นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 63 จะทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลักซึ่งเป็นปัจจัยใช้คิดราคาให้กับลูกค้า ปรับตัวลงมาตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 ก็น่าจะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นไปตามซีซั่นนอลของธุรกิจ ซึ่งโดยปกติลูกค้าจะมียอดสั่งซื้อสูงสุดในไตรมาส 3 และชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ก่อนจะปรับตัวดีขึ้น ในไตรมาส 1 และ 2 และไปพีคสุดในไตรมาส 3
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินและแนวโน้มความต้องการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปีนี้นั้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ Consumables แบ่งเป็น ถุงหูหิ้ว มองว่าแม้ดีมานด์จะปรับตัวลงจากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ในประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น, อเมริกาบางรัฐ ก็ยังมีความต้องการอยู่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็ได้สัญญาลูกค้ารายใหม่เข้ามา ทำให้คาดว่าแนวโน้มน่าจะยังทรงตัว หรือเติบโตขึ้นได้เล็กน้อย
ด้าน Reusable Bag หรือ ถุงใช้ซ้ำ ผลจากข้อกำหนดของกฎหมายของสหรัฐฯและออสเตรเลีย ทำให้ยังมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ได้รับลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มด้วยเช่นกัน
ส่วนถุงขยะ ปีนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะโควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการใช้ถุงขยะมากขึ้น แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 4/63 ซึ่ง TPBI ก็มีแผนจะหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม โดยล่าสุดได้ลูกค้ารายใหม่เข้ามาแล้ว 1-2 รายในต่างประเทศ
ขณะที่ถุงชนิดอื่นๆ ก็ยังมีลูกค้าสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง เช่น ถุงไปรษณีย์ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ก็ได้ลูกค้ารายใหม่เข้ามา ทำให้ยอดขายปรับตัวขึ้นจากเดิมที่เคยส่งอยู่ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ เพิ่มเป็น 2-3 ตู้คอนเทนเนอร์ "กลุ่มผลิตภัณฑ์ Consumables ในภาพรวม บริษัทพยายามจะขยายฐานลูกค้าและโปรดักส์ใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่ง หรือโปรดักส์ใดโปรดักส์หนึ่ง"นายกมล กล่าว
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ Flexible packaging ในส่วนของ Multilayer Blown Film ได้เน้นไปที่การผลิตตัวฟิล์มลามิเนตให้กับกลุ่มลูกค้าโรงพิมพ์ โรงลานิเนต ซึ่งกลุ่มนี้ยังคงมีการเติบโตที่ดีและได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อใช้กับ Consumer product หรือบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นสิ่งจำเป็นแม้เกิดภาวะโควิด-19 ขณะเดียวกันการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ใกล้ประสบความสำเร็จแล้ว ก็เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ ยา ของกินของใช้ ยังมีดีมานด์สม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นกลุ่มตลาดที่ TPBI จะมุ่งเจาะตลาดต่อไป,
Flexible Packging ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำลังการผลิตที่ค่อนข้างดี และสามารถรองรับงานได้อีกมาก โดยมีการหาลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดใหม่ๆ ด้วย ขณะเดียวกันก็มองถึงการทำให้พลาสติกที่จะห่อหุ้มของลูกค้าสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% เพื่อตอบสนองเรื่องสิ่งแวดล้อม และเทรนในอนาคตของโลก
นายกมล กล่าวว่า ด้านผลิตภัณฑ์ Paper Bags ปัจจุบันเริ่มเห็นการฟื้นตัวดีขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการล็อกดาวน์รอบแรกของประเทศอังกฤษ รวมถึงการล็อกดาวน์ในรอบที่ 2 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการประเมินแล้วว่า จากการล็อกดาวน์ในรอบ 2 นี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงเมื่อเทียบกับรอบแรก เนื่องด้วยร้านอาหารยังสามารถเปิดให้บริการเป็นลักษณะของดิลิเวอรี่ หรือเป็นการซื้อกลับบ้านได้ รวมถึงซุปเปอร์มาเก็ต ก็ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ
พร้อมกันนี้หากมองในเรื่องของโควิด-19 ในระยะกลางถึงยาว หากการพัฒนาวัคซีนประสบความสำเร็จจริง ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศอังกฤษ โดยคาดหวังว่าหากวัคซีนมาในช่วงต้นปีหน้า ธุรกิจ Paper Bags ในประเทศอังกฤษจะมีดีมานด์กลับมาดีขึ้น บวกกับเทรนการใช้กระดาษที่เป็นบรรจุภัณฑ์ที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในอนาคตอันใกล้ก็จะส่งผลดีกับธุรกิจดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ