นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า ในปี 63 แม้ว่ายอดขายของบริษัทจะไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยังมั่นใจว่ากำไรของบริษัทจะสามารถทำได้มากกว่าปีก่อน เพราะบริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการรวมโรงงานผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น
"มั่นใจว่าแนวโน้มของกำไรในปี 63 จะสูงกว่าปี 62 ได้ แม้ยอดขายจะไม่เป็นไปตามคาดก็ตาม"
สำหรับตลาดในประเทศในช่วงที่เหลือของปี 63 ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ เตรียมจะออกวางจำหน่ายสินค้าใหม่ คือ ชานมไต้หวัน ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ส่วนแนวโน้มยอดขายในประเทศในไตรมาส 3/63 ที่ 320 ล้านบาท ถือว่าฟื้นตัวได้เล็กน้อยจาก 240 ล้านบาทในไตรมาส 2/63 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปี ส่วนไตรมาส 4/63 บริษัทยังอยู่ระหว่างการประมาณการแนวโน้ม เนื่องจากในประเทศไทยยังมีปัจจัยกดดันจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่หายไป ทำให้ขาดปัจจัยหนุนยอดขายในส่วนนี้ ส่วนตลาดต่างประเทศยังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 รอบสองว่าจะคลี่คลายลงได้เร็วหรือไม่
นายจิระพงษ์ กล่าวว่า ในปี 64 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตกว่าปี 62 ที่ 5.29 พันล้านบาท จากการมองภาพรวมของสถานการณ์ต่างๆ เริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงต้นปี 64 เป็นต้นไป ทำให้สามารถทำการตลาดและการขายได้เต็มที่ ประกอบการเตรียมขยายตลาดในประเทศจีนเพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มช่องทางการขายผ่านร้านค้าทั่วไป และออนไลน์เข้ามาเสริม จากปัจจุบันเน้นขายเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด
"หลังจากในปี 63 บริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรม ทำให้ยอดขายในปีนี้จะทำได้ไม่ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้ยอดขายในปี 63 ถือว่าเป็นปีฐานของธุรกิจ แต่ในปี 64 บริษัทมองภาพการฟื้นตัวกลับมา"
ขณะเดียวกันในปี 64 บริษัทจะเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Seasoning ในประเทศจีนเข้ามาอีก 2-3 SKU ซึ่งเป็นสินค้ารสชาติใหม่ๆที่ลูกค้าจีนนิยม และลูกค้ามีความต้องการสั่งซื้อ จากปัจจุบันที่เริ่มนำเสนอสินค้า Seasoning ในประเทศจีนไปแล้ว 6 SKU โดยที่ตลาดในประเทศจีนถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการขยายตัวดีมาก และปัจจุบันยอดขายสามารถฟื้นกลับมา หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีนเริ่มคลี่คลายลง และอีกประเทศ คือ สหรัฐฯ บริษัทจะผลักดันการเติบโตของยอดขายในสหรัฐฯปี 64 ให้เพิ่มขึ้นอีก 30-40% จากปีนี้
ส่วนการการรุกตลาดสินค้า Co-Brand ร่วมกับ ORION พันธมิตรของบริษัทในประเทศเกาหลีใต้และรัสเซีย ถือว่ามีความล่าช้าออกไปจากเดิมที่จะเริ่มทดลองตลาดในไตรมาส 3/63 ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์โควิด-19 ของทั้ง 2 ประเทศ ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ทำให้การทดลองตลาดในเกาหลีใต้และรัสเซียได้เลื่อนออกไปอีก 3 เดือน ส่งผลให้ยอดขายที่เข้ามาจากทั้ง 2 ประเทศเกิดความล่าช้าออกไปบ้าง แต่ถือว่าไม่กระทบต่อภาพรวมของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ