นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 บริษัทมีรายได้ก่อสร้าง 3,798 ล้านบาท รายได้รวม 4,528 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะที่มีกำไรสุทธิ 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1,100% จากไตรมาสที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้น 7.73% อัตรากำไรสุทธิ 17.10% ซึ่งความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ประการใด
ในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กับ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มูลค่า 4,041 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นอกจากนี้ ช.การช่างได้เตรียมความพร้อมในการเข้าแข่งขันการประมูลราคาโครงการต่าง ๆ ในปีหน้าซึ่งมั่นใจว่า จะมีงานเพิ่มเติมเข้ามาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท ที่ได้มีการยื่นประกวดราคาไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 โดยบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน การติดตั้งงานระบบ และพันธมิตรที่แข็งแกร่งคือ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่มีประสบการณ์ในการบริหารการเดินรถมากว่า 16 ปี
สำหรับโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ช.การช่าง มีความเชื่อมั่นว่าจะมีอีกหลายโครงการที่มีความพร้อม สามารถเปิดประกวดราคาได้ในปี 2564 อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 100,000 ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ จำนวน 3 สาย ได้แก่ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ สายบ้านไผ่ - นครพนม และสายขอนแก่น - หนองคาย รวมมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางใน สปป.ลาว ที่ช.การช่าง ได้เข้าร่วมลงทุนซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้เร็ว ๆ นี้ ซึ่งโครงการเหล่านี้จะช่วยเสริมมูลค่างานในมือ (Backlog) ขึ้นมาอย่างน้อย 150,000-200,000 ล้านบาทในปี 2564
การลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานของ ช.การช่าง ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) หลังจากได้ต่อสัมปทานทางด่วนอีก 15 ปี 8 เดือน จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B C ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติแล้ว และในวันเสาร์ที่ 14 พย. 2563 จะมีพิธีเปิดโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ส่วนต่อขยาย ณ สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย และสถานีรถไฟฟ้าหลักสอง
ในส่วนของบมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) ผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาคครัวเรือน ส่งผลให้ผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จ่ายปันผลได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ นอกจากนี้บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) โรงไฟฟ้าทุกแห่งมีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ สามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ได้ครบอีกด้วย