นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น ขานรับปัจจัยบวกจากไทยได้ลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผลดีต่อภูมิภาคนี้ อีกทั้งความคาดหวังวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังทำให้ดาวโจนส์ยังปรับตัวขึ้นได้ และนโยบายของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้การค้าราบรื่น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ปรับตัวขึ้นกัน หลังผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/63 ของญี่ปุ่นออกมาดีกว่าคาด และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยังบวกได้ราว 200 จุด ถือว่าบรรยากาศลงทุนดี อย่างไรก็ดี ต้องติดตาม GDP ของไทยงวดไตรมาส 3/63 เช้านี้และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนวันนี้วันสุดท้าย รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อย่างยอดค้าปลีก เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดบ้านเราอาจอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากวันที่ 17-18 พ.ย.นี้จะมีการประชุมรัฐสภาพิจาณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการชุมนุมทางการเมืองพร้อมกันด้วย จึงเป็นแรงกดดันให้กับตลาดฯได้ เนื่องจากกังวลว่าอาจเกิดความวุ่นวายขึ้น
พร้อมให้แนวรับ 1,340 ถัดไป 1,326-1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,356-1,360 ถัดไป 1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,479.81 จุด เพิ่มขึ้น 399.64 จุด (+1.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,585.15 จุด เพิ่มขึ้น 48.14 จุด (+1.36%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,829.29 จุด เพิ่มขึ้น 119.70 จุด (+1.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.52 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 266.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 205.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 83.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 20.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.66 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 พ.ย.63) 1,346.47 จุด เพิ่มขึ้น 10.16 จุด (+0.76)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 256.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 พ.ย.63) ปิดที่ 40.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 99 เซนต์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 พ.ย.63) อยู่ที่ 0.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.16 แข็งค่าตามตลาดโลก จับตาตัวเลข GDP ไทย-การเมืองสหรัฐ-โควิด
- แบงก์เดินหน้าปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพยุงธุรกิจเลิกจ้าง "กสิกรไทย" ยืดโครงการ "สินเชื่อ 0% - เถ้าแก่ใจดีเจ้าหนี้มีใจ" จนกว่าลูกค้าพ้นวิกฤติ "กรุงไทย" เติมสภาพคล่องธุรกิจ หวังเป็นกลไกดันเศรษฐกิจฟื้นตัว "ออมสิน" เพิ่มวงเงินกู้ซอฟท์โลนเป็น 100 ล้านบาทต่อราย เปิดทางรายใหญ่ขอกู้
- แรงงานท่องเที่ยวระส่ำ "แอตต้า" ชี้หากไตรมาส 1 ปีหน้า ยังไม่มีทัวริสต์ตบเท้าเข้าไทย คาดมีคนตกงานในอุตฯท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน วอนรัฐเร่ง เปิดประเทศรักษาจ้างงาน ด้าน "พิพัฒน์" ถก15 กลุ่มโรงแรมดังวันนี้ ฟังปัญหา ไอเดีย ฟื้นท่องเที่ยว ฟาก "ททท." เตรียมชงครม. ปี 2564-2565 ปีท่องเที่ยวไทย
- สถาบันยานยนต์ โดย ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เปิดเผยการผลิตรถยนต์ ในเดือนกันยายน 2563 ของประเทศไทยพบว่า ผลิตรถยนต์ได้จำนวน 150,345 คัน โดยเป็นการผลิตรถยนต์มากกว่าหนึ่งแสนคันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ปริมาณการผลิตยังคง ลดลง 11% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากตลาดส่งออกเป็นสำคัญ
- อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกกว่า 100 ราย ร้อง "จุรินทร์" ช่วยเหลือด่วน กรณีพาณิชย์เปิดไต่สวนเอดีสินค้าฟิล์มบีโอพีพี ชี้หากขึ้นภาษีทำให้ธุรกิจสะเทือนอาจต้องปิดกิจการคนตกงานอีกเพียบ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าหมาย 17 บาท กำไรปกติ Q3/63 -8% Q-Q, +104% Y-Y ดีตามคาดจาก Margin ที่น่าประทับใจ แนวโน้ม Q4/63 คาดทำ New High หนุนจาก iPhone12 และได้อานิสงส์จากชิอปดีมีคืน
- AMATA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าหมาย 18 บาท ได้ Sentiment บวกโดยตรงจากข่าวไทยและประเทศพันธมิตร 14 ประเทศร่วมลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วน ศก. ใหญ่สุดของโลก (RCEP) หนุนไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคช่วยเพิ่มยอดขายที่ดิน