IGC ประกอบธุรกิจให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม สำหรับการบริการวงจรสื่อสารความเร็วสูง และบริการชุมสายอินเทอร์เน็ตทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนอินเทอร์เน็ต ( Digital Hub) ในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยมีจุดภูมิศาสตร์เหมาะสม ทำให้ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และเวียดนาม นิยมมาใช้ไทยเป็นจุดแลกเปลี่ยนหรือเป็นทางผ่านไปยังประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์
ที่ผ่านมาได้มีการลงทุนเพื่อเร่งขยายอุปกรณ์และโครงข่ายให้แก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตจากต่างประเทศ ขยายการให้บริการรับส่งข้อมูล (Internet Bandwidth) ระหว่างประเทศ โดยได้มีการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูง (DWDM) ต่อยอดจากโครงข่ายใยแก้วนำแสงของกลุ่มบริษัท ALT และได้ลงทุนสร้างสถานีเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ณ บริเวณด่านชายแดน 15 จุด ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย
"การขยายธุรกิจของ IGC ต้องใช้เงินลงทุนสูง ตามอัตราการขยายตัวของธุรกิจ บนทิศทางวิถีใหม่ (New Normal) ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนทุกเพศทุกวัยมีความคุ้นเคยกับการใช้บริการอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ IGC ต้องเร่งขยายอุปกรณ์และพัฒนาโครงข่ายเพื่อรองรับการให้บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพื่อความพร้อมและคล่องตัวต่อการขยายธุรกิจ กลุ่ม ALT จึงมีแผนที่จะนำบริษัท IGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์" นางปรีญาภรณ์กล่าว