ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้มุ่งเน้นการนำ Big Data และเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำระบบคัดกรองความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น ทำให้สามารถบริหารอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ให้ลดต่ำลงต่อเนื่องเหลือ 57.9% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่สูงถึง 60.4% พร้อมปรับปรุงโครงสร้างผลักดันศักยภาพการทำงานให้สูงขึ้น ทำให้ควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในอัตราที่น้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและการดำเนินงานสุทธิอยู่ที่ 3,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 19.3% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 9 เดือนแรกปี 63 ติดลบอยู่ที่ 121 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของมูลค่ายุติธรรมของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามแนวโน้มภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิสะสม 9 เดือนแรกปี 63 ราว 8 ล้านบาท นายจีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปี 63 มั่นใจมีแนวโน้มที่สดใส ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทกำลังเร่งพัฒนาระบบ AI เข้ามายกระดับระบบการบริหารงานด้านสินไหมรถยนต์ โดยจะทำให้มีการ Automate มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Insure Tech พร้อมเดินหน้าผนึกความร่วมมือพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อขยายช่องทางการขาย เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงการประกันภัยทุกชนิดของบริษัทฯ และสร้างนวัตกรรมด้านบริการ ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งปี 63 เติบโตแตะ 5,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้