นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับว่ากำไรสุทธิปี 63 นี้จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,524.07 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 4,011 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 4,204.88 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 น่าจะยังถูกกดดันจากการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้และกำไรของบริษัท ซึ่งในไตรมาส 4/63 จะถูกกระทบเต็มไตรมาส หรือมีกำไรหายไปประมาณ 100 ล้านบาท/เดือน
"เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลงจากปีก่อน แต่คงไม่ถึง 10% แต่เชื่อว่าในปีหน้า กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตกว่าปีนี้ได้ จากธุรกิจปัจจุบัน และยังมีธุรกิจใหม่ เคทีซีพี่เบิ้ม หรือ สินเชื่อพี่เบิ้ม ที่จะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในปีหน้า"นายระเฑียร กล่าว
ขณะที่คาดยอดปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลปีนี้น่าจะติดลบ จากเดิมคาดเติบโตได้ 10% หลังจากที่บริษัทเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อในปีนี้ โดย 9 เดือนแรกที่ผ่านมา KTC มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.9% ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าสิ้นปีนี้ก็น่าจะลดลงอีก แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าในไตรมาส 4/63 จะมีความต้องการใช้เงินค่อนข้างมาก จากเป็นช่วงของเปิดเทอมในเดือน พ.ย.-ธ.ค.63 ซึ่งบริษัทก็เตรียมออกแคมเปญเพื่อรองรับลูกค้าใหม่
ส่วนการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ ก็คาดว่าจะยังติดลบราว 8% แต่อย่างไรก็ตามจากโครงการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ "ช้อปดีมีคืน" น่าจะส่งผลทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่ง KTC ก็จะออกแคมเปญร่วมกับพันธมิตรหลากหลายกลุ่ม ทั้งโรงแรม, ประกัน, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร, ปั๊มน้ำมัน หรือแม้กระทั้งการช้อปปิ้งออนไลน์ ในแคมเปญ 12:12 และ iPhone 12 เป็นต้น เพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายโค้งสุดท้ายของปีนี้