(เพิ่มเติม) SPALI เปิดโครงการใหม่เพิ่มจากแผนใน H2 หลังการเมืองชัด-คาดยอดขายฟื้น

          นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI)กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนขึ้น ทำให้บริษัทตัดสินใจเพิ่มโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อีก 1 โครงการ จากแผนงานเดิม 7 โครงการมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท  รวมทั้งคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 8.8 พันล้านบาท และรายได้น่าจะสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 20% จากปีก่อน 
          นายอธิป กล่าวว่า  เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการเพิ่มอีก 1 โครงการคือโครงการคอนโดฯ ศุภาลัย พรีเมียร์ เพลส (สาทร-นราธิวาส) ซึ่งมีมาร์จิ้นดีกว่าโครงการในแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ 
          สำหรับยอดขายในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเดิม จากในช่วงครึ่งปีแรกที่เคยมองอาจจะพลาดเป้าเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว  แต่หลังจากการเมืองมีความชัดเจนก็น่าจะทำให้ยอดขายฟื้นตัวได้ เข่นเดียวกับรายได้ในปีนี้ก็จะเติบโตดีกว่าที่คาด และกำไรสุทธิก็เชื่อว่าจะโตกว่าปีก่อนที่มี 880 ล้านบาทด้วยเช่นกัน เพราะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานได้ 
          ในครึ่งปีหลัง SPALI ยังรอรับรู้รายได้จากงานในมืออีก 1.8 พันล้านบาทจากทั้งหมดที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้ 2.5 พันล้านบาท และ   ภายในเดือนส.ค.-ก.ย. มีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตแรก 1 พันล้านบาท จากวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด 4 พันล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ไปใช้ซื้อที่ดิน และนำไปชำระหนี้เดิม ซึ่งคาดว่าจะซื้อที่ดินเพิ่มในครี่งปีหลังอีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายโครงการรองรับโครงการแนวราบในปีหน้า โดยบริษัทจะพยายามรักษาสัดส่วนคอนโดฯ และ บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ ให้เป็น 50:50 จากปัจจบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 60:40
          ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินทั้งหมด 2.5 พันล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินซื้อที่ดินใหม่ราว 2.5 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้ 
          "การที่เราไปเปิดโครงการส่วนใหญ่ในครึ่งหลังและ ในไตรมาส 4 มากกว่าเพราะเราเชื่อว่าเลือกตั้งน่าจะชัดเจนขึ้น แต่ไตรมาส 3 เรายังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ถึงแม้ตอนนี้ความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ปรับยขอดขายแล้ว และเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ด้วยซ้ำที่ 8.8 พันล้านบาท"นายอธิป กล่าว  
          ส่วนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศนั้น นายอธิป กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทคงยังไม่คิดไปลงทุนต่างประเทศ เพราะตลาดไทยยังมีช่องทางที่จะเติบโตได้อีก และมองว่าคนที่ไปลงทุนต่างประเทศต้องมีความเข้าใจเรื่องของกฎหมาย วัฒนธรรม และความต้องการของผู้บริโภคในประเทศนั้นอย่างดีก่อน