นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) เปิดเผยว่า ในปี 64 บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้ แม้คาดว่ารายได้จะทรงตัวจากปีนี้ เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างโดยรวมยังจะไม่ฟื้นตัวมากนัก จึงเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพื่อรักษารายได้แล้ว ขณะที่เน้นการบริหารจัดการต้นทุนด้านวัตถุดิบให้ดียิ่งขึ้น และเตรียมปรับเพิ่มราคาสินค้าให้สะท้อนกับราคาวัตถุดิบ เพื่อรักษาระดับกำไรเอาไว้ด้วย
ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะลดลงราว 5% จากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ชะลอตัวลง โดยกงานใหม่ที่ออกมามีน้อยลง และยังได้รับผลกระทบจากแรงงานต่างชาติที่หายไป
อยางไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี และคาดว่ายังมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มคอนโดมิเนียม โรงพยาบาล และสนามบิน ที่มีการปรับปรุงโครงการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อป มูลค่าการลงทุนราว 30 ล้านบาทเพื่อไฟฟ้ามาใช้ภายในโรงงานของบริษัท ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าลง รวมถึงลงทุนเพิ่มเครื่องจักรผลิตท่อส่งลมชนิดแผ่นโฟม มูลค่าลงทุนราว 7 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการจะแล้วเสร็จในปี 64
"ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในทางอ้อม แต่อย่างไรก็ตามเราก็มีการปรับตัวโดยหันเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะรักษาอัตรการทำกำไรได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในปี 64 จะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิ แม้ว่ารายได้จะทรงตัวก็ตาม" นายธานินทร์ กล่าว