นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ในเครือบมจ.พฤกษา โฮลดิ้งส์ (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10-15% จากปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 3.1 หมื่นล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามากว่า 9 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 2.56 หมื่นล้านบาท ประกอบกับจะมีรายได้จากโครงการแนวราบที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้เร็ว และการระบายสต็อกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 64 คาดว่าจะระบายสต็อกออกไปราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สต็อกคงเหลือลดลงมาที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันทีมีอยู่ 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทจะมีรายได้จากโรงพยาบาลวิมุติเข้ามาเสริมด้วยส่วนหนึ่ง คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ราว 1% ของรายได้รวม โดยโรงพาบาลวิมุติมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงเดือน พ.ค.64 เฟสแรกเป็นส่วนของผู้ป่วยนอก 100% และผู้ป่วยใน 100 เตียง จากทั้งหมด 236 เตียง ซึ่งกำหนดเปิดให้บริการครบทุกเฟสราว 3 ปี หลังจากกำหนดเปิดเฟสแรกล่าช้าจากแผนเดิมในปีนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19
ในปีหน้า PSH วางแผนเปิดโครงการใหม่ 30-35 โครงการ มูลค่ารวม 3-3.5 หมื่นล้านบาท จากปีนี้เปิดไป 13 โครงการ มูลค่ารวม 1.57 หมื่นล้านบาท โดยจะเน้นโครงการแนวราบที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนที่เป็นกลุ่มรายได้ประจำตั้งแต่ 30,000 บาท/เดือนขึ้นไป เนื่องเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากนัก ขณะที่กลุ่มระดับล่างที่เป็นพอร์ตส่วนใหญ่ของบริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากกำลังซื้อที่ลดลง และการขอกู้สินเชื่อยากขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทยังมีแผนการเปิดคอนโดมิเนียมจำนวน 5-7 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-10,000 ล้านบาท โดยจะเป็นคอนโดมิเนียมระดับราคา 2-5 ล้านบาทเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป และเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการกู้ยืม พร้อมกับจะมีโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 1 โครงการ คาดว่าความชัดเจนในการร่วมทุนภายในสิ้นปีนี้
อนึ่ง โครงการที่เปิดในปีหน้าส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปีนี้จำนวน 20-25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายปิยะ กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 มองว่าตลาดจะเติบโต 10-15% จากปีนี้ที่ติดลบไปถึง 30% เพราะแนวโน้มเศรฐกิจไทยจะพลิกกลับมาฟื้นตัวขึ้นมาเติบโตได้ราว 3-5% หลังโควิด-19 คลี่คลายลง และภาครัฐยังกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มกลับมาเปิดโครงการใหม่มากขึ้นมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคัก แต่ยอมรับว่ายังขาดแรงซื้อจากลูกค้าต่างชาติไปบ้าง และการแข่งขันยังรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านราคา
ส่วนแผนงานของ PSH ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 63 จะเปิดตัวอีก 2 โครงการแนวราบ ได้แก่ The Plant รังสิต-อเวนิว มูลค่า 985 ล้านบาท และ พฤกษาวิลล์ ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่า 1.1 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าแนวโน้มยอดโอนจะทำได้สูงสุดของปีนี้ เพราะจะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ที่เริ่มโอนเข้ามา คือ The Reserve สุขุมวิท 61 มูลค่า 2.7 พันล้านบาท จะรับรู้รายได้เข้ามาราว 13% และยังมีรายได้จากโครงการที่เป็นฮีโร่โปรเจ็คต์อื่นๆ เข้ามาอีก 32% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 4/63 และอีก 55% ของรายได้ในไตรมาส 4/63 มาจากโครงการอื่นๆ ที่เปิดขายอยู่ ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.1 หมื่นล้านบาท