น.ส.สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/63 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ มองซินเน็คฯ ยังมีโอกาสเติบโต รับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานและใช้ชีวิต ตอบโจทย์การทำงานรูปแบบใหม่ "Work From Anywhere"
อีกทั้ง ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเปิดตัวiPhone 12 และการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีไวซ์รุ่นใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยี 5G ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้ง มาตรการภาครัฐบาล "ช็อปดีมีคืน" จะสนับสนุนกำลังซื้อปลายปีให้คึกคัก โดยบริษัทฯ มั่นใจปีนี้ ซินเน็คฯ จะเติบโตโดยเน้นความสามารถในการทำกำไรเป็นหลัก
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/63 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 7,436.27 ล้านบาท ลดลง 6.06% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารปรับตัวลดลง แต่ยังคงความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นต่อเนื่อง
บริษัทมีกำไรขั้นต้น 359.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.99% และมีกำไรสุทธิ 170.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการภายในที่ดี มีการบริหารพอร์ตสินค้ารองรับความต้องการของผู้บริโภคในการทำงาน และใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19) รวมถึงภาพรวมการแข่งขันที่ลดลง และการเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูงกว่าเดิมเข้ามาบริหาร สนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ให้อยู่ที่ร้อยละ 4.83 จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.75% นอกจากนี้ ยังได้รับผลบวกจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนของปี 63 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 468.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.15% ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการ 23,460.37 ล้านบาท ลดลง 7.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ยอดขายฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 2/63 ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/63
นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวดีขึ้น อยู่ที่ 4.50% จาก 4.08% ในงวด 9 เดือนของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 468.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.15%
"ในไตรมาส 3/63 ภาพรวมสินค้าในกลุ่มไอทีทั้งคอนซูเมอร์และคอมเมอร์เชียลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าไอทีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ในรูปแบบใหม่ภายหลังโควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งด้านการจัดจำหน่ายและการบริหาร ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีการเติบโตอย่างมาก
อีกทั้ง ความสามารถในการบริหาร Product Mix กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากแค่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง และมุ่งเน้นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ อุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ สินค้ากลุ่มเกมมิ่ง และโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ โดยตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นรวมปีนี้รักษาระดับมากกว่าร้อยละ 4" น.ส.สุธิดา กล่าว