นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยอมรับว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 จะยังมีความท้ายทายอยู่ เนื่องจากในไตรมาส 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย, มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงท้ายปี แต่ในปีนี้ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ตามปกติ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะลดลงเหลือไม่ถึง 10 ล้านคน จากเดิมคาดจะอยู่ที่ 40 ล้านคน ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวไทยเองก็ปรับตัวลดลง คาดจะลดลงเหลือราว 1 ล้านคน จากเดิม 3 ล้านคน
ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่ง และโครงการช้อปดีมีคืน แต่บางโครงการอาจจะใช้ร่วมกับทางร้านสะดวกซื้อ 7-11 ไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ทางภาครัฐกำหนด แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าบริษัทฯ จะไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่ยังได้รับผลกระทบเชิงบวกในทางอ้อม เนื่องด้วยเมื่อมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ก็คาดหวังว่าจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนเหลือเข้ามายัง CPALL
ส่วนความคืบหน้าการควบรวมเทสโก้ โลตัส ภายหลังจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) อนุมัติให้ควบรวมกิจการได้แบบมีเงื่อนไขนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆ และวิเคราะห์ถึงผลกระทบว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร ก่อนตกลงรับเงื่อนไขและแจ้งให้กับทางผู้ขาย หรือเทสโก้ โลตัส ประเทศอังกฤษเตรียมดำเนินการต่อไป
นายเกรียงชัย กล่าวว่า ด้านงบลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงงบลงทุนไว้ที่ 11,500-12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายสาขาให้ครบ 700 สาขาตามเดิม และการปรับปรุงร้านสะดวกซื้อ 7-11 รวมถึงการลงทุนตามปกติในเรื่องของระบบ IT ขณะที่เบื้องต้นในปี 64 ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 700 สาขา