นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงได้เล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อย จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อมาก อย่างไรก็ดีในยุโรป และสหรัฐแม้จะมีการล็อกดาวน์แต่ก็บางส่วนเท่านั้น เพราะกลัวจะกระทบเศรษฐกิจ
ส่วนบ้านเราอาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างเล็กน้อยหลังจากที่ขึ้นไปมากแล้ว ซึ่งภาพโดยรวมตลาดยังถือว่าใช้ได้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/63 ส่วนใหญ่ก็ออกมาดีกว่าคาด ด้านปัจจัยการเมืองก็กดดันไม่มาก
อย่างไรก็ดีให้จับตาทิศทาง Fund Flow หลังจากเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาขายสุทธิ และยังขายบอนด์พอควรด้วย แต่ก็มองว่าเป็นการขายชั่วคราวหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณจะเข้ามาดูแลเงินบาท ส่งผลให้เมื่อเย็นวานนี้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ต่างชาติขายออกมา แต่ทั้งนี้โดยรวมยังมองว่าเงินบาทน่าจะอยู่ในทิศทางที่แข็งค่าได้อยู่ และ Fund Flow ก็น่าจะยังไหลเข้ามาอยู่ โดยวันนี้ให้ติดตามธปท.จะมีมาตรการดูแลค่าเงินบาทอย่างไร
พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370-1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,483.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.81 จุด (+0.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,581.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด (+0.39%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,904.71 จุด เพิ่มขึ้น 103.11 จุด (+0.87%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.49 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 147.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 49.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 19.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.31 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ย.63) 1,369.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด (+0.35%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 988.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 พ.ย.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 พ.ย.63) ปิดที่ 41.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ย.63) อยู่ที่ 0.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.38 แข็งค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ จับตามาตรการดูแลจากธปท.
- ผู้ว่าธปท.ลั่นพร้อมใช้มาตรการแทรกแซงค่าเงิน ช่วยผู้ส่งออกลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะงักดีมานด์ตก ยัน 5 ปีใช้เงินแทรกแซงแล้วกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ด้านบล.เอเซียพลัส คาดมาตรการไม่รุนแรงแค่ลดออกพันธบัตร ขณะที่ต่างชาติลดเสี่ยงแห่ขายหุ้น-ตราสารหนี้ กว่า 8 พันล้านบาท กดค่าเงินอ่อนยวบแตะ 30.40 บาทต่อดอลลาร์
- "บีทีเอส" ลุ้นได้ข้อสรุปต่อสัญญาสัมปทาน ก่อนเปิดส่วนต่อขยายสถานีวัดพระศรีฯ-คูคต ยืนยันเดินรถตามกำหนดวันที่ 16 ธ.ค.นี้ "คีรี" สั่งเดินรถให้ถึงที่สุดแม้ยังไม่ได้ค่าจ้าง หวังไม่ให้กระทบประชาชน
- รฟม.คงมาตรการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า "สายสีม่วง" ยาว เผยตุน 400 ล้านบาท อุดหนุนส่วนต่าง ส่วนสายสีน้ำเงิน 1 ม.ค.64 ปรับขึ้น 1 บาท ตามสัญญา หลัง BEM ช่วยตรึงมาแล้ว 6 เดือน รับยอดผู้โดยสารสายสีน้ำเงินต่ำกว่าประมาณการ ทั้งที่เปิดครบลูป 48 กม.แล้ว
- "กบข." เตรียมทบทวนแผนลงทุนระยะยาว 5-10 ปี รับมือโลกเปลี่ยน หลังโควิดระบาด คาดชัดเจนกลางปี 64 มั่นใจผลตอบแทนการลงทุนปีหน้าเป็นบวก เหตุหันเพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เน้นตลาดเกิดใหม่ พร้อมตั้งทีมพิเศษบริหารค่าเงิน
- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่เน้นสินค้าจำเป็นมากขึ้นล่าสุดผลศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประมาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมเด่นที่จะขยายตัวต่อเนื่องปี 64 มาจากความต้องการในการรักษาโรคและความกังวลโควิด-19 ได้แก่ อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และอาหาร คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะขยายตัว 17.5% เทียบกับปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมถุงมือยางที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัว 23.2% มาจากความต้องการใช้ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 103 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มธนาคารที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดในการเก็งกำไรธีมการเปิดเมือง จากความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน นอกจากนี้ราคาหุ้นยังปรับตัวลงมากถึง 30% ตั้งแต่ปัญหา โควิด-19 และเป็นหุ้นที่ผลตอบแทนล้าหลัง SET index มากๆ
- PTG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงาน Q4/63 และ ปี 64 คาดยังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจ Non-Oil ที่ฟื้นตัว โดยคาดได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ประเมินว่าประมาณกำไรปี 2563 มี Upside ราว 10% จากปัจจุบันที่คาด -6% Y-Y ส่วนปี 2564 คาดมี Upside 5%
- CPF (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) เป้า 36 บาท ประเมินด้วย P/E ปี 64 ที่ 15.5 เท่า คาดกำไรไตรมาสถัด ๆ มายังแข็งแกร่ง ด้วยราคาเนื้อหมูกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น ส่วนราคาเนื้อไก่กลับมาฟื้นตัวดี ด้านดีลการซื้อเทสโก้ อยู่ในช่วงพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย ข้อดีคือสามารถจำหน่ายสินค้าเข้าเทสโก้ได้อีกในสาขา 2 พันแห่ง รวมทั้งเช่าพื้นที่จากเทสโก้ เพื่อวางจำหน่ายสินค้าได้ และได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเรื่องการได้รับฟาร์มเลี้ยงหมูที่จีนแล้ว คาดว่าจะสร้างกำไรได้เพิ่มในอนาคต
- DOHOME (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 16.30 บาท ผู้บริหารเปิดเผยตัวเลขแนวทางสำหรับไตรมาส 4/63 และปี 64 ในเชิงบวก SSSG ในเชิง QTD ยังอยู่ในแดนบวกราว ๆ 1-2% จากยอดขายที่ฟื้นตัวในเดือน พ.ย. ขณะที่ SSSG ในเดือน ต.ค. ติดลบราวๆ 5% ด้วยการที่กิจการไม่ประสบปัญหาขัดข้อง บริษัทฯ จึงกำหนดเป้าหมาย SSSG และการเติบโตของรายได้ปี 64 ที่ 3-4% และ 14-16% และ GPM ที่ 16.7-16.9%