นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวางแผนจัดหาและธุรกิจการค้าน้ำมัน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 64 บริษัทคาดว่าการกลั่นน้ำมันจะอยู่ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 4/63 ที่น่าจะอยู่ที่ราว 1 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่ากำลังการกลั่นเต็มที่ 1.2 แสนบาร์เรล/วัน แม้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเริ่มฟื้นตัวกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์และดีเซลที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่การใช้น้ำมันอากาศยาน (JET) ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ทำให้การใช้กำลังการกลั่นน่าจะยังไม่เต็มที่เหมือนในอดีต ประกอบกับปี 64 มีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 39 วัน ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-25 มี.ค.64
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นในปีนี้ประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19 ทำให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นค่อนข้างอยู่ระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวกจากการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ก็จะมีส่วนช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวขึ้นมา แต่ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นมากในแต่ละประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อการใช้น้ำมันและค่าการกลั่นที่ยังฟื้นตัวไม่ดีนัก
ล่าสุดหลายฝ่ายประเมินว่าในช่วงไตรมาส 4/63 ค่าการกลั่นเริ่มมีสัญญาณค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมา แต่ก็เห็นว่าเป็นไปได้ยากที่ทั้งปี 63 และต่อเนื่องไปถึงปี 64 ที่ค่าการกลั่นจะกลับไปเหมือนปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนบริหารจัดการเพื่อให้สามารถกลั่นน้ำมันได้มีประสิทธิภาพดีที่สุด ด้วยการเลือกน้ำมันดิบเข้ากลั่นให้เหมาะกับความต้องการของตลาด ขณะที่การผลิตน้ำมันอากาศยานก็เกือบจะเป็นศูนย์ตามความต้องการใช้ที่ยังมีไม่มาก พร้อมกับจะหันไปพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น น้ำมันเตากำมะถันต่ำ เป็นต้น รวมถึงการทำธุรกิจเทรดดิ้งให้มีการเติบโตต่อเนื่อง
พร้อมกับดำเนินการโครงการ 3E (Efficiency, Energy, and Environment Improvement) ต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดโครงการ Continuous Catalyst Regeneration (CCR) มีความคืบหน้า 98.5% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.63 และโครงการ Debottlenecking Hydrocracker Unit (HCU) คืบหน้าแล้ว 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมี.ค.64 ซึ่งจะช่วยให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น ตลอดจนยังเดินหน้าโครงการ Rocket เพื่อพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นให้ดียิ่งขึ้น และจะสร้างรายได้เพิ่มให้ได้ตามเป้าหมาย
นายวรากร โกศลพิศิษฐ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการตลาด ของ BCP กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดย ณ เดือน ต.ค. มีสถานีบริการน้ำมันแล้วทั้งหมด 1,225 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ปีนี้จะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วทั้งหมด 54 แห่ง และในปี 64 จะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 100 แห่ง พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจนอนออยล์ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทำร้านสะดวกซื้อกับบริษัท ได้แก่ ท็อปส์ เดลี่ ,แฟมิลี่มาร์ท เข้ามาเพิ่มเติมและสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ ส่วนร้านกาแฟอินทนิล ปัจจบุนมีอยู่ 648 แห่ง และถึงสิ้นปีนี้จะมีเพิ่มเป็น 700 แห่ง และ 855 แห่งในสิ้นปี 64 รวมถึงยังมีเป้าหมายการทำสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) โดยวางเป้าหมายจะมีทั้งสิ้น 152 แห่งในอนาคต ซึ่งระยะแรกได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อทำสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า 56 แห่งในเฟสแรก คาดว่าแล้วเสร็จไม่เกินไตรมาส 1/64 หลังจากนั้นจะหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อรองรับการดำเนินการในอนาคตด้วย
นางสาวศุภมล เอี่ยมอ่อน ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ ของ BCP กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการลงทุนพัฒนาเหมืองแร่ลิเทียมในอาร์เจนตินานั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 64 พร้อมเปิดดำเนินการในต้นปี 65 ด้วยกำลังการผลิตระยะแรก 40,000 ตัน/ปี
ขณะที่การเพิ่มทุนใน บมจ.บีซีพีจี (BCPG) ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ส่งผลให้ BCP มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BCPG คงเหลือ 60.3% จากเดิมที่ถืออยู่ 70% หลัง BCPG ภายหลังจากที่ BCPG เพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน พร้อมกับการเสนอขายให้นักลงทุนในวงจำกัด (PP)