ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดพุ่งสูงขึ้นในวันนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นแบงค์ หลังจากที่มีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังวางแผนออกมาตรการในการลดปัญหาที่เกิดจากซับไพรม์ในสหรัฐ
นสพ.วอชิงตัน โพสท์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่บริหารระดับอาวุโสว่า ทีมผู้บริหารของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช จะนำเสนอนโยบายลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปล่อยกู้เพื่อการจำนองในสหรัฐเร็วๆนี้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะมีประธานาธิบดีบุชและนายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐเป็นผู้เปิดเผย และจัดเป็นมาตรการแรกที่รัฐบาลสหรัฐจะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการยึดทรัพย์สินที่ได้มีการจำนองเพื่อที่อยู่อาศัยไว้
บุชจะเสนอให้มีการเปลี่ยนโครงการประกันเงินจำนองของสำนักงานบริหารที่อยู่อาศัยสหรัฐ (FHA) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านรีไฟแนนซ์เงินประกัน FHA หากพบว่าตนเองมีปัญหาในด้านการจำนอง
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์พุ่งขึ้น 71.76 จุด หรือ 2.2% ปิดที่ 3,392.91 จุด ปริมาณการซื้อขาย 1.93 พันล้านหุ้น มูลค่า 2.39 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
เดวิด โคเฮน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแอ็คชั่น อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีสหรัฐเป็นบทสะท้อนของความหวั่นวิตกว่าปัญหาซับไพรม์สหรัฐอาจจะลุกลามมายังเศรษฐกิจส่วนอื่นๆของประเทศ ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยเช่นกัน เพราะพรรคเดโมแครตได้ออกมาวิจารณ์ทีมบริหารบุชที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในขณะที่ปัญหาซับไพรม์เลวร้ายลง โดยมีองค์กรที่ประสบปัญหาจากภาคซับไพรม์มายังตลาดจำนองมากขึ้น และยังทำให้เกิดวิกฤติในตลาดสินเชื่ออื่นๆ
หุ้นแบงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้นมีส่วนช่วยหนุนดัชนีหลักๆ หุ้นดีบีเอส กรุ๊ปปิดบวก 50 เซนต์ หุ้นยูไนเต็ดโอเวอร์ซี แบงค์ ดีดขึ้น 50 เซนต์ และหุ้นโอเวอร์ซี แบงกิ้ง คอร์ป ปรับตัวสูงขึ้น 10 เซนต์ หลังจากที่มีการรายงานยอดปล่อยกู้ธนาคารพาณิชย์เดือนก.ค.ขยายตัว 11%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--