โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อาร์เอส (RS) หลังมองกำไรไตรมาส 4/63 ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 63-64 ฟื้นตัวเด่นเป็นตัวเลขสองหลัก โดยเฉพาะจากธุรกิจพาณิชย์ที่รายได้มีโมเมนตัมเติบโตตามการเพิ่มช่องทางขาย และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
ขณะที่ธุรกิจสื่อทีวียังได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว และการขายลิขสิทธิ์คอนเท้นท์ไปยังต่างประเทศ รวมถึงการมุ่งหารายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่วนในปี 64 ยังมีแผนขายลิขสิทธิ์ละครในมือกว่า 10 เรื่อง
ด้านประสิทธิภาพการทำกำไรยังดีต่อเนื่องในปี 64 จากสัดส่วนรายได้ธุรกิจขายสินค้ามาร์จิ้นสูง และควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริหารได้ดี ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงสวนทิศทางการเติบโต และยังมีอัพไซด์จากดีล M&A ที่คาดว่าจะสรุปอย่างน้อย 1 ดีลในปลายปีนี้ ทำให้มีความน่าสนใจลงทุน
พักเที่ยงราคาหุ้น RS อยู่ที่ 17.60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย พุ่งขึ้น 1.91%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 20.80
หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 20.10
ทิสโก้ ซื้อ 21.00
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 25.00
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 21.75
เอเซีย พลัส ซื้อ 19.00
นายถกล บรรจงรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ RS ยังคงเติบโตได้ดี จากธุรกิจการขายสินค้าที่น่าจะทำนิวไฮต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ระดับ Mass อย่างผลิตภัณฑ์รังนก ซึ่งมีขนาดตลาดในประเทศราว 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง "REJU" ก็จะช่วยหนุนรายได้จากธุรกิจการขายสินค้า และน่าจะส่งผลบวกเต็มปีในปี 64 รวมถึงยังมีแผนเพิ่มสินค้าใหม่ของพันธมิตรจาก 75 SKU ต่อเดือน เป็น 110 SKU ต่อเดือนในปี 64 ด้วย
ด้านธุรกิจทีวี ยังได้แรงหนุนจากการขายลิขสิทธิ์คอนเท้นท์ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 200 ล้านบาท และในปี 64 ยังมีแผนขายลิขสิทธิ์ละครที่มีในมือกว่า 10 เรื่อง รวมถึงลิขสิทธิ์กีฬาชกมวย โดยขายให้กับลูกค้าประเทศจีนและเวียดนาม ด้านธุรกิจเพลง เริ่มกลับมารุกตลาดอีกครั้งจากการกลับมาเปิดตัวศิลปินใหม่ผ่านค่ายเพลงอย่าง Kamikaze และ Rose Sound
นอกจากนี้ แนวโน้มประสิทธิภาพในการทำกำไรของ RS ยังดีขึ้นต่อเนื่องในปี 64 ด้วยรายได้จากธุรกิจขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี
ทั้งนี้ ปรับคำแนะนำการลงทุนสำหรับ RS จาก "เก็งกำไร" เป็น "ซื้อ" ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลดลงก่อนหน้านี้ สวนทางผลประกอบการที่เติบโตดี จากธุรกิจขายสินค้า และแรงหนุนจากการขายลิขสิทธิ์คอนเท้นท์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยชดเชยผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ประเมินว่ากำไรของ RS ในปีนี้จะเติบโต 44% จากปีก่อน และเติบโตอีก 31% ในปี 64 มาที่ระดับ 685 ล้านบาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดของ RS เมื่อ 19 พ.ย. โดยประเมินว่ารายได้รวมไตรมาส 4/63 ยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริหารคาดว่าธุรกิจพาณิชย์ยังเติบโตดีในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. และในเดือน ธ.ค. จะมี Year-end sale, ธุรกิจมีเดีย เติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว และรับรู้รายได้จาก licensing ต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจเพลงและอื่น ๆ ฟื้นตัวต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ด้านรายได้ปี 64 ยังขยายตัวต่อจากธุรกิจพาณิชย์ที่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตามแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ส่วนธุรกิจมีเดีย ขยายตัวจากปีนี้ หลังมีแผนผลิตละครและรีเมคคอนเท้นท์เก่า ส่วนธุรกิจเพลง มีนักร้องใหม่มาเพิ่ม 9 คนทำให้มีการผลิต single ได้เพิ่มขึ้น
และดีลการซื้อกิจการและร่วมทุน (M&A) คาดว่าจะสามารถสรุปได้ 1 ดีลภายในปีนี้ และปีหน้ายังมีดีลเพิ่มอีก ทำให้ยังคงประมาณกำไรสุทธิของ RS ในปี 63 ที่ 607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นอีก 24% มาที่ 751 ล้านบาทในปี 64
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในทิศทางเดียวกันว่า ภายหลังการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของ RS ทำให้มีมุมมองเป็นบวกต่อกลยุทธ์ธุรกิจตั้งแต่ไตรมาส 4/63 ไปจนถึงปี 64 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยหนุนรายได้ธุรกิจพาณิชย์และธุรกิจสื่อให้เติบโตต่อเนื่อง โดยผลประกอบการยังแข็งแกร่งไร้กังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของ RS กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในปี 64
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4/63 โดยธุรกิจพาณิชย์ไลฟ์สตาร์เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ได้แก่ รังนกเพื่อสุขภาพแบรนด์ REJU อาหารเสริมสมุนไพร Vita Nature Plus และอาหารเสริมแบรนด์ S.O.M. ส่วนสินค้าจากพันธมิตร จะเพิ่มเป็น 110 SKU ในปี 64 จาก 75 SKU ในไตรมาส 4/63 และใช้ระบบ Predictive Dial System เต็มรูปแบบ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการขายทาง Watson , Boots และช่องทางดาวเทียม
ด้านธุรกิจสื่อจะมุ่งเน้นการหารายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่ง RS ได้ร่วมมือกับ iQIYI แพลตฟอร์ม VOD จากจีน รีเมคละครหนังดังในอดีต เช่น โลกทั้งใบให้นายคนเดียว โดยจะฉาย Simulcast บนช่อง 8 และต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารีเมค 10 เรื่องในปี 64 นอกจากนี้ตั้งเป้าขายคอนเท้นท์ละครและรายการชกมวย อีก 10 รายการ ส่วนธุรกิจเพลงจะเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ และต่อยอดธุรกิจ Star Commerce