S ขาย NVD ปลดล็อกข้อจำกัด-รับเงิน 1.79 พันลบ.หนุนรุกแนวราบเต็มตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 23, 2020 15:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า การขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 51.56% ในบมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD) มูลค่า 1.79 พันล้านบาทให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD อีกฝ่ายหนึ่ง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.63 นั้น จะทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเอง โดยปราศจากเงื่อนไขป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัท และ NVD ที่ได้เคยกำหนดไว้

ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบที่ตลาดยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกนั้น ที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ของบริษัท เป็นการดำเนินธุรกิจผ่านการถือหุ้น 51.56% ใน NVD ขณะที่มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ยอดขายสะสมโครงการบ้านเดี่ยว และทาว์นเฮาส์ 9 เดือนแรกของผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการหดตัวของผลการดำเนินงานในหลายธุรกิจ

S เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, ดิ เอส สุขุมวิท 36 และ ดิ เอ็กซ์โทร ตลอดจนโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 250 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจที่พักอาศัยต่อเนื่อง

การขายหุ้น NVD ในครั้งนี้ช่วยปลดล็อกให้ S สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างเต็มตัว เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ปัจจุบันอย่าง ดิ เอส และ โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการมีสัดส่วนรายได้จากที่อยู่อาศัยแนวราบต่อแนวสูงที่ระดับ 60:40 และหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยของบริษัท

"การขายหุ้นใน NVD เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดบางประการในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจที่พักอาศัยให้ครอบคลุมทั้งในด้านของสินค้าและเซกเมนท์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า ความผันผวนจากสภาวะตลาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทที่ยั่งยืน และส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว"นายนริศ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ