นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ และ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในปี 64 จะสามารถฟื้นตัวจากปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยว 12.5 ล้านคน หรือเติบโต 87% จากปีนี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ 93 ล้านครั้ง หรือเติบโต 6%
ส่วนแผนงานหลักที่บริษัทยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายและรักษาสภาพคล่องให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ รวมถึงชะลอและเลื่อนการลงทุนใหม่ ๆ ออกไป โดยบริษัทยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้จำเป็นต้องเพิ่มทุนมาเสริมสภาพคล่อง เนื่องจากมีเงินสดในมือกว่า 1,400 ล้านบาท และมีวงเงินที่สามารถกู้จากสถาบันทางการเงินได้อีก 5,700 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นในเรื่องของเงินทุนเพิ่มเติม บริษัทได้ศึกษาแผนทุกแผนไว้รองรับ ซึ่งการเพิ่มทุนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถเลือกใช้ได้
สำหรับการลงทุนบริษัทได้ในปี 63 นี้บริษัทได้ยกเลิกการลงทุนในโครงการใหม่ๆ และลดงบลงทุนลงเหลือ 500-600 ล้านบาท จากเดิมที่ 1,400 ล้านบาท โดยใช้ในการลงทุนโครงการเดิมที่ดำเนินการมาก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ โรงแรม HOP INN จำนวน 5 แห่ง แบ่งเป็นในไทย 3 แห่ง และฟิลิปปินส์ 2 แห่ง โดยจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4/63 นี้ 2 แห่ง คือ จังหวัดเชียงใหม่และพิษณุโลก ส่วนที่เหลือจะเลื่อนการเปิดให้บริการไปเป็นปี 64
"แม้ว่าในช่วงนี้เราจะเผชิญอยู่ในความยากลำบาก เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่ดีในอนาคต และคาดว่าในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ผลประกอบการจะกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 62 ได้ โดยในช่วงนี้เราก็จะเน้นกลยุทธ์การทำการตลาดและสนับสนุนการท่องเที่ยวจากในประเทศเป็นหลัก"นางสาววรมน กล่าว