นางสาวเรวดี หวานชิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบัญชีการเงิน บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) เปิดเผยว่า ในปี 64 บริษัทจะเดินหน้าการขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านอย่างเต็มที่ จากการลงทุนขยายจอโฆษณา LED อย่างเต็มที่ ใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านบาท เบื้องต้นจะลงทุนในป้ายโฆษณา LED ทั่วไป ขนาด 120 ตารางเมตร จำนวน 15-20 จอ ลงทุน 250 ล้านบาท และขยายจอโฆษณา LED ขนาดใหญ่ ในโปรเจ็คต์ Mega Connect ขนาด 500 ตารางเมตร จำนวน 15-20 จอ ลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เน้นการติดตั้งในทำเลที่เป็น Prime Location ที่มี Traffic มาก และเป็นทำเลที่กลุ่มลูกค้าต่างมีความต้องการในการลงโฆษณา
สำหรับการลงทุนการขยายจอโฆษณา LED เนื่องจากเห็นโอกาสที่จะมีลูกค้าหลายรายเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ทำให้ใช้พื้นที่จอได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างดี เมื่อเทียบกับป้ายโฆษณาแบบเดิมที่ลูกค้ารายเดียวสามารถใช้บริการลงโฆษณาในป้ายนั้น ๆ ได้ขณะที่ลูกค้ารายอื่น ๆ ที่รอคิวลงโฆษณาอยู่แทบจะไม่มีโอกาสได้ลงโฆษณา ทำให้ป้ายโฆษณาที่เป็นจอ LED น่าจะเข้ามาตอบโจทย์ให้กับธุรกิจให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลายรายมากขึ้น ประกอบกับคอนเท้นท์ในปัจจุบันมีการใช้กราฟฟิก 3D และมีความคมชัดมากขึ้น ส่งผลให้ป้ายจอโฆษณา LED เข้ามาสนองความต้องการลงโฆษณาให้กับลูกค้าได้
ทั้งนี้ การลงทุนป้ายโฆษณาจอ LED มีเป้าหมายเพื่อต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านในปี 64 เพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6% ซึ่งจะทำให้รายได้ในปี 64 เติบโตได้ 30-40% จากปี 63 โดยรายได้จากจอโฆษณา LED ใหม่จะทยอยเข้ามา 2 ช่วง ได้แก่ จอโฆษณา LED ทั่วไป ขนาด 120 ตารางเมตร จะเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/64 ส่วนจอโฆษณาขนาดใหญ่ในโปรเจ็คท์ Mega Connect จะมีรายได้เข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 3/64
นางสาวเรวดี กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มเดินสายพูดคุยกับเอเจนซี่โฆษณาบ้างแล้ว เพราะลูกค้าต้องเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับการลงโฆษณา โดยขณะนี้มีลูกค้าบางรายเซ็นสัญญาใช้จอโฆษณา LED ขนาดใหญ่เพิ่มมาแล้ว 10 จอ และยังอยู่ระหว่างการเจรจาอีกจำนวนหนึ่ง
สำหรับเงินลงทุนในครั้งนี้จะมาจากการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.75% ต่อปี ซึ่งอยู่ระหว่างการรออนุมัติแบบเสนอขายหุ้นกู้ (ไฟลิ่ง) คาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งหลังจากที่บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้วจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 0.94 เท่า จากปัจจุบันที่ 0.7 เท่า แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของบริษัท
ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทนั้นมองว่าในปี 64 จะนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณานำสินทรัพย์บางประเภทขายเข้ากองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ลงทุนหรือนำมาชำระคืนหนี้ โดยอาจจะนำที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นที่ดินเปล่ามาปล่อยเช่าในการพัฒนาเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยที่แผนงานดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณา