บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH)แสวงหาโอกาสลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 40% โดยขณะนี้มีความพร้อมในการยื่นประมูลในโครงการผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่(IPP)จำนวน 3 โครงการ ขนาดรวมกัน 3.2 พันเมกะวัตต์ ทั้งยื่นประมูลเอง และร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งเดินหน้าโครงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในลาวที่กำลังจะสรุปสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการหงสาลิกไนต์ ขณะที่โครงการในพม่าพับแผนรอรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ RATCH กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าจะชนะประมูล IPP ในรอบนี้ แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูงเพราะมีผู้ซื้อซองประมูลไปกว่า 60 ราย เนื่องจาก RATCH มีความพร้อมทุกด้านทั้งมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท กำไรสะสมกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท มีพื้นที่สำหรับก่อสร้างทั้งที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าราชบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ระบบสายส่งไฟฟ้า ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และที่สำคัญมีประสบการณ์
โครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่จะเข้าร่วมประมูล ประกอบด้วย การลงทุนร่วมกับ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJANA) และบริษัทอีก 1 แห่ง สร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1.6 พันเมกะวัตต์ ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ , โครงการร่วมทุนกับบริษัท ไตรเอนเนอร์ยี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ และ โครงการที่บริษัทจะลงทุนเองทั้ง 100% ขนาด 800 เมกะวัตต์ เตรียมพื้นที่ไว้ที่จ.ราชบุรี
ส่วนโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 ชุด กำลังผลิต 1.4 พันเมกะวัตต์ ขณะนี้คืบหน้าไปแล้ว 89% คาดว่าจะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตามกำหนดในเดือนมี.ค.51 และ มิ.ย.51
นายณรงค์ กล่าวว่า สำหรับโครงการลงทุนในประเทศลาว ยังคงเป็นไปตามแผนงานทั้งน้ำงึม 2 และ 3 ส่วนโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างศึกษามีจำนวน 3-4 โครงการ ขณะที่การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บมจ.บ้านปู(BANPU)ได้สัมปทานจากรัฐบาลลาวนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าถือหุ้นภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยคาดว่าจะถือหุ้นต่ำกว่า 25% โดยจะต้องรอรายละเอียดที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)พิจารณาอีกครั้ง
ด้านโครงการลงทุนในพม่าที่อยู่ระหว่างการศึกษา 2-3 โครงการ ขณะนี้ไม่คืบหน้าเนื่องจากขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลชุดนี้ คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งมาพิจารณาต่อ
นายณรงค์ กล่าวว่า RATCH คาดว่ารายได้ปีนี้จะบวกลบไม่เกิน 5%จากปี 49 เนื่องจากครึ่งปีแรกมีกำไรพิเศษจากบริษัทประกัน 496 ล้านบาทที่บันทึกเข้ามาในมิ.ย.50 และรายได้จากค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้เราชบุรีที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าช่วงครึ่งปีหลังจะมีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้รายได้ครึ่งปีหลังลดลงจากครึ่งปีแรก
ขณะที่การจ่ายปันผลปี 50 น่าจะจ่ายได้เท่ากับปีก่อน 2.10 บาท/หุ้นเป็นอย่างน้อย โดยจะหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเดือนส.ค.นี้
"อย่างน้อยปีนี้เราจะไม่สามารถจ่ายปันผลได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.10 บาทแม้จะมีกำไรสะสมจำนวนมาก เนื่องจากเรามีโปรเจ็คต์ที่รออยู่ต้องลงทุนจำนวนมาก แต่ยืนยันว่าจะไม่จ่ายน้อยกว่าปีที่แล้ว เพื่อประโยนชน์ของผู้ถือหุ้น"นายณรงค์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--