นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) เพื่อนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยคาดหวังนำเข้า LNG ราว 2.5 แสนตัน/ปี เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ของกลุ่มบริษัท ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขนาด 256 เมกะวัตต์ ,โรงไฟฟ้าคลองหลวง จ.ปทุมธานี ขนาด 121 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าทดแทน (SPP Replacement) กำลังการผลิตระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์
สำหรับการนำเข้า LNG เพื่อมาใช้ในโรงไฟฟ้าบ้านโป่ง และโรงไฟฟ้าคลองหลวงนั้น จะเป็นปริมาณก๊าซฯส่วนเกินจากสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่มีกับบมจ.ปตท. (PTT) ส่วนการนำเข้า LNG เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าทดแทนโรงเดิมที่จะหมดสัญญาในปี 67 นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับปตท. จึงเป็นโอกาสในการจัดหาและนำเข้า LNG เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิง ทำให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ส่วนรูปแบบการซื้อ LNG เพื่อนำเข้ามานั้นคงจะมีทั้งสัญญาระยะสั้นและระยะยาว เพื่อบริหารความเสี่ยง ซึ่งการนำเข้าก็ต้องประเมินถึงสถานการณ์ราคาและจับจังหวะที่เหมาะสม โดยในบางช่วงที่มีความต้องการใช้ LNG น้อย ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตก็อาจจะร่วมมือกันเพื่อนำเข้ามาได้
ด้านความคืบหน้าโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ปัจจุบันโครงการผ่านการประเมินการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว และได้รับการอนุมัติจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ให้สามารถจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ลักษณะ Smart Industrial Estate ในพื้นที่อ.เมือง จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 600 ไร่ แล้ว หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการกับกนอ. และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่และระบบสาธารณูปโภค ภายใน 2 ปี และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 65