JR เผยดีมานด์จอง IPO ล้น 200 ล้านหุ้น ก่อนเทรด SET 30 พ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 24, 2020 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ (JR) เปิดเผยว่า การเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5.50 บาท ระหว่างวันที่ 20 และ 23-24 พ.ย.63 ที่ผ่านมา นักลงทุน รวมทั้งนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจอย่างล้นหลาม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโต และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท

ทั้งนี้ หุ้น JR จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอตุสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในวันที่ 30 พ.ย.นี้

สำหรับ JR เป็นผู้ให้บริการงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบครบวงจร มีความโดดเด่นในเรื่องการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการได้งานเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ขณะที่อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศมีการทยอยลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะความต้องการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้มีโอกาสได้รับงานเพิ่มอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

"JR มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพการทำกำไรสูง ไร้หนี้ ซึ่งภายหลังจากเข้า SET แล้ว จะยิ่งทำให้บริษัทมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น สนับสนุนการเติบโต ถือเป็นหุ้นดีอนาคตไกลมีคุณสมบัติเป็นหุ้นระดับ 5 ดาว และน่าจะเป็น IPO ขวัญใจของนักลงทุน" นายสมภพ กล่าว

ด้านนายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ JR สามารถเดินหน้าเข้าประมูลงานของภาครัฐ และเอกชนที่เป็นโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น และจะมีการรุกขยายไปยังงานวิศวกรรมในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เพื่อกระจายแหล่งรายได้ และกำไรมากขึ้น ผลักดันการเติบโต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

ณ สิ้นไตรมาส 3/63 บริษัทมีงานในมือที่ลงนามสัญญาแล้ว (backlog) อยู่ที่ 6,169.53 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/63 อีก 322.50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ปี 64-66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู หนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ