CONSENSUS: โบรกฯแนะ ซื้อ PRM คาดกำไรปี 63-64 เด่นจากขึ้นค่าเช่าเรือ-ธุรกิจขนส่งฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 25, 2020 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.พริมา มารีน (PRM) ลุ้นกำไรไตรมาส 4/63 ทำ New High รับผลบวกจากเงินบาทแข็งค่า และการกลับมาให้บริการของเรือ 3-4 ลำที่นำไปซ่อมบำรุงในไตรมาส 3/63 ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการน้ำมันอากาศยานที่ชะลอตลอด 9 เดือนแรกปีนี้ให้กลับมาฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

นอกจากนี้ คาดว่ากำไรปี 63-64 เติบโตเด่น หลัก ๆ มาจากธุรกิจเช่าเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) ที่ปรับขึ้นค่าเช่าเรือ แต่ปีหน้าอาจจะปรับขึ้นค่าเช่าเรือไม่ได้มากเท่าปีนี้แล้ว ขณะที่ต้นทุนยังไม่เพิ่ม เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ทั้งนี้ PRM มีรายได้จากธุรกิจเช่าเรือ FSU อย่างสม่ำเสมอและได้ปรับขึ้นค่าเช่าจากความต้องการใช้ที่มากต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่มเรือแต่ก็ใช้ Capacity เรือเต็มทุกลำ

ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศได้ถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากปริมาณขนส่งน้ำมันอากาศยานที่หายไปจากไม่มีการบิน แต่ก็มองเป็นแค่ชั่วคราว ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้คิดเป็นประมาณ 80-85% ถือเป็นรายได้หลักของ PRM

พร้อมกันนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ไว้ที่ 1,500-1,554 ล้านบาท เติบโตจากปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,023 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปี 64 คาดการณ์มีกำไรในช่วง 1,380-1,905 ล้านบาท

พักเที่ยงราคาหุ้น PRM อยู่ที่ 7.85 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.63% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.41%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ฟินันเซีย ไซรัส                    ซื้อ                         13.00
          หยวนต้า (ประเทศไทย)             ซื้อ                         12.50
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)               ซื้อ                         12.20
          เคทีบี (ประเทศไทย)               ซื้อ                         12.00
          ทิสโก้                           ซื้อ                         11.50
          คันทรี่ กรุ๊ป                       ซื้อ                         11.30

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า กำไรปี 63-64 ของ PRM ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ว่ากำไรไตรมาส 3/63 จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/63 อันเป็นผลจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ประมาณ 15 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/63 มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 32 ล้านบาท แต่หากมองกำไรปกติยังทำได้สูงกว่าไตรมาส 2/63 พร้อมกันนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ไว้ที่ 1,554 ล้านบาท เติบโตจากปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,023 ล้านบาท

ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจเช่าเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) ที่เติบโตเด่นจากการปรับค่าเช่าเรือขึ้น 20% ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนยังไม่เพิ่ม เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว และธุรกิจเติบโตขึ้นมา ชดเชยทุกธุรกิจที่แย่จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/63 จะยังดีอยู่ ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าน่าจะทำให้มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน โดย PRM มีหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ถ้าเงินบาทแข็งค่าก็จะได้ประโยชน์มากกว่า

ส่วนกำไรสุทธิในปี 64 จะเด่นคาดว่าจะมีกำไร 1,905 ล้านบาท จากธุรกิจ FSU ที่มีโอกาสจะปรับขึ้นค่าเช่าเรือได้อีกราว 5-10% ส่วนธุรกิจขนส่งน้ำมันภายในประเทศในปี 63 อยู่ในระดับต่ำเพราะเจอผลกระทบจากโควิด-19 แต่ในปี 64 ที่จะเริ่มมีการบิน และบินระหว่างประเทศได้ ธุรกิจนี้น่าจะมีรายได้กลับมา ซึ่งทั้งธุรกิจ FSU และธุรกิจขนส่งน้ำมันภายในประเทศคิดเป็น 80-85% รายได้หลักของบริษัท

นอกจากนี้ ในปี 64 PRM มีแผนจะซื้อเรือเพิ่ม 3-5 ลำ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท โดย 1 ลำเป็น FSU และอีก 2 ลำเป็นการขนส่งระหว่างประเทศ ส่วนที่เหลือก็นำมาทดแทนเรือเก่าที่ปลดระวางไป

PRM สามารถทำกำไรสุทธิ 9 เดือนได้ 1,120 ล้านบาท มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 62 ที่ทำได้ 1,023 ล้านบาท แล้ว ดังนั้น ในไตรมาส 4/63 กำไรที่จะเข้ามาก็จะช่วยหนุนให้ทั้งปี 63 เติบโตได้อย่างโดดเด่น

ด้านน.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า กำไรของ PRM ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดีมาก นับได้ว่ากำไรทำ New High นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะตั้งแต่เข้าตลาดมาก็มีการซื้อเรือเพิ่มมาเรื่อย ๆ และปีนี้มีการปิดประเทศทำให้โรงกลั่นจะต้องมีที่เก็บน้ำมันซึ่งที่เก็บบนพื้นดินสต็อกเก็บน้ำมันเต็มกันหมดแล้ว ก็ต้องไปฝากเก็บน้ำมันไว้บนเรือที่รับฝากเก็บน้ำมัน ซึ่งรวมถึง PRM ด้วย ทำให้ PRM ได้โอกาสในการปรับขึ้นค่าเช่าเรือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ปีหน้าอาจจะปรับขึ้นค่าเช่าเรือไม่ได้มากเท่าปีนี้แล้ว

PRM มีรายได้จากธุรกิจเช่าเรือ FSU อย่างสม่ำเสมอและได้ปรับขึ้นค่าเช่าจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่มเรือแต่ก็ใช้ Capacity เรือเต็มทุกลำ ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศได้ถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากปริมาณขนส่งน้ำมันอากาศยานที่หายไปจากไม่มีการบิน แต่ก็มองเป็นแค่ชั่วคราว ที่สุดธุรกิจนี้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ และถือเป็นรายได้หลักของ PRM

ทั้งนี้ มองว่าผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ของ PRM ก็ยังจะเติบโตดีแม้ว่าจะมีวันหยุดมาก ซึ่งกำไรในไตรมาส 3/63 ต่ำ เป็นเพราะนำเรือ 3-4 ลำไปซ่อมบำรุง ทำให้มีค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงด้วย และยังไม่มีรายได้ในช่วงนำเรือไปซ่อมบำรุง แต่ในไตรมาส 4/63 เรือกลุ่มนี้ได้กลับมาแล้ว ทำให้มองว่ากำไรไตรมาส 4/63 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/63

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ของ PRM ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ส่วนปี 64 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองแนวโน้มกำไรสุทธิของ PRM ในไตรมาส 4/63 กลับมาเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน รวมถึงมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ เพราะธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการน้ำมันอากาศยานที่ชะลอตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ให้กลับมาฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ความต้องการใช้เรือ FSU ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 โดยมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ขึ้นจากที่คาด 1,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน ส่วนประมาณการกำไรปี 64 ยังคงเดิมที่ 1,380 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ