นายพุทธชาติ รังคสิริ ประธานกรรมการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ แม้ว่า 9 เดือนแรกยังมีผลขาดทุนสุทธิ 4.95 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากอานิสงส์การเปิดตัว iPhone 12 และมีการแยกขายอุปกรณ์ด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายที่จะมีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ปี 64 เบื้องต้นมองว่าภาพรวมธุรกิจจะเติบโตดีกว่าปีนี้ จากความต้องการที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือค่อนข้างมากหลังจากมีเทคโนโลยี 5G เข้ามา ซึ่งหลายๆ ค่ายก็จะทยอยเปิดตัวโทรศัพท์มือถือเข้ามารองรับเทคโนโลยีใหม่ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี IoT และการออก Gadget ใหม่ๆ ด้วย ซึ่งบริษัทเองก็มีแผนปรับปรุงสาขาเดิม หรือ TWZ Shop ให้เป็น AIS Shop เพิ่มอีก 6 สาขา หลังจากปีนี้ปรับปรุงไปแล้วจำนวน 4 สาขา วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 18-30 ล้านบาทเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าให้ไฮเอนด์มากขึ้น
ส่วนกรณีที่ล่าสุด บริษัท สกายเวลล์ ลีสซิ่ง จำกัด (SKY-L) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัท อิเลคตร้า โมทีฟ จำกัด (บริษัทย่อยของ TWZ โดยถือหุ้น 100%) เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท ดีจริง ออโต้ จำกัด จากกลุ่มคุวานันท์ คิดเป็นมูลค่า 555 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกหุ้นเดิมของดีจริงฯ และจัดสรรอีกส่วนหนึ่งให้อิเลคตร้า โมทีฟ จำนวน 180,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 180 ล้านบาท
ภายหลังจากการทำธุรกรรมดังกล่าว TWZ จะถือหุ้นทางอ้อมใน SKY-L คิดเป็น 25% ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ดีจริง ออโต้ จะถือหุ้น SKY-L ในสัดส่วน 75% โดย SKY-L จะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการพัฒนาบริการธุรกิจให้เช่าระยะยาวทั้งยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ทั่วไป พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการใช้งานยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) ในประเทศและในภูมิภาค CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยมีผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งอย่างกลุ่มดีจริง ออโต้ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวในส่วนของรถยนต์ทั่วไป ขณะที่บริษัท อีวี สมาร์ท เมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้ TWZ ได้มีมติอนุมัติให้เข้าถือหุ้น 60% จะดูแลในส่วนรถยนต์ไฟฟ้าให้เช่า
ทั้งนี้ ขั้นตอนการร่วมทุนดังกล่าว จะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ และจะเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 64 ซึ่งบริษัทจะรับรู้เข้ามาเป็นส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น
"ธุรกิจหลักของ TWZ ยังคงเป็นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งยังอยู่ในกระแสของการเติบโต แต่ที่ผ่านมา เราพูดเสมอว่าเราพร้อมจะปรับตัวไปสู่การทำธุรกิจที่เป็นกระแสหรือเป็นเทรนด์ของโลก ต้องยอมรับว่าธุรกิจขนส่งหรือโลจิสติกส์เติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ TWZ ศึกษาเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV มาโดยตลอด และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่งจะเป็นแนวโน้มหลักในระยะต่อไปอย่างแน่นอน เพราะต้นทุนจะต่ำลงในระยะยาว ทั้งต้นทุนการดูแลรักษา ต้นทุนพลังงาน และต้นทุนค่าขนส่ง รวมถึงประโยชน์ทางด้านการดูแลสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต่างให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น TWZ จึงมั่นใจว่า การขยายเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าให้เช่าและเช่าซื้อผ่านบริษัท สกายเวลล์ ลีสซิ่ง ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการขยายการเติบโตให้กับ TWZ ในอนาคต" นายพุทธชาติ กล่าว
ด้านนายพงชาญ สำเภาเงิน ประธานกรรมการ SKY-L กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น Fresh Line (เฟรช ไลน์) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การขายกับข้าว อาหารสด หรือผลไม้สด เหมือนรถขายกับข้าวทั่วไป เพราะสินค้าของ Fresh Line จะมีความหลากหลายกว่า มีทั้งของอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เบื้องต้นคาดว่า Fresh Line จะจัดหาผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาร่วมธุรกิจรถซูเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่ โดยมีเป้าหมายในระยะแรกจำนวน 500 คันภายในไตรมาสแรกของปี 64
"โดยช่วงแรกเราคาดว่ารถให้เช่าและเช่าซื้อในโครงการของ Fresh Line จะเป็นรถยนต์ทั่วไปในสัดส่วน 75% และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 25% ซึ่งข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถควบคุมอุณหภูมิของอาหารสดได้ โดยมีตู้แช่อาหารเป็นส่วนหนึ่งของรถ ซึ่งถือเป็นอีกมิติของบริการขนส่ง ขณะเดียวกัน เรายังได้ประสานความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะสนับสนุนสถานีชาร์จไฟฟ้า รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นที่จะทำให้สถานีบริการกระจายครอบคลุมได้ทั่วประเทศ" นายพงชาญ กล่าว
นอกจากนี้ SKY-L ยังจะเดินหน้าผลักดันโครงการรถขนส่งสาธารณะหรือรถแท็กซี่ไฟฟ้า (EV) ซึ่งปัจจุบันรถแท็กซี่ที่ให้บริการทั่วไปมีสภาพเก่าและไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะก่อให้เกิดผลดีกับสภาพแวดล้อม ขณะที่ผู้ขับขี่สามารถประหยัดค่าบำรุงรักษา ประหยัดค่าพลังงาน และราคารถยนต์ไฟฟ้าอาจจะมีราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่าราคารถยนต์ทั่วไป ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้ผู้ขับขี่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ พร้อมสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งให้เช่าซื้อรวมถึงให้เช่าขับ
บริษัทเชื่อว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 อุตสาหกรรมรถขนส่งสาธารณะจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบปัญหาซบเซาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งการฟื้นตัวดังกล่าวจะทำให้มีผู้ใช้บริการมากขึ้น และเชื่อว่าผู้ขับขี่ในนามส่วนบุคคล รวมถึงสหกรณ์แท็กซี่ จะสนใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการให้บริการมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในช่วงแรก SKY-L จะสามารถให้บริการรถแท็กซี่ไฟฟ้าให้เช่าซื้อและให้เช่าขับได้ราว 400 คันต่อเดือน
พร้อมกันนี้ยังมองการขยายธุรกิจบริการยานยนต์ให้เช่าระยะยาวสำหรับยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ทั่วไป ไปยัง CLMV ด้วย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในครึ่งปีหลังของปี 64 เบื้องต้นจะเริ่มที่ประเทศลาวก่อน เนื่องจากลาวมีนโยบายเปลี่ยนรถยนต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ราว 4 แสนคันภายใน 10 ปีข้างหน้า
ประกอบกับ SKY-L ยังมีแผนจะขยายกิจการสู่ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อผู้ประกอบอาชีพหรือนาโนไฟแนนซ์ โดยให้สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการค้าที่เป็นทะเบียนการค้า หรือเป็นพนักงานประจำที่มีฐานเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปประกอบอาชีพหรือต่อยอดกิจการ รวมทั้งแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยลูกค้าสามารถกู้เงินได้สูงสุดรายละไม่เกิน 1 แสนบาท อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่มีใบอนุญาตนาโนไฟแนนซ์ 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้