นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และมีโอกาสที่จะพักตัวได้ แม้ตลาดสหรัฐฯจะปิดทำการเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ตลาดในยุโรปยังเปิดอยู่และราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลง ประกอบกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ออกมาว่าจะต้องใช้เวลาในการทดลองเพิ่ม ทำให้อาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างจากหุ้นที่ขึ้นไปรับก่อนหน้านี้ ขณะที่วันนี้นายกรัฐมนตรีก็จะลงนามสั่งซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ด้วย ซึ่งไทยเราก็พึ่งตัวนี้
ด้านสัญญาณทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่า ราคาหุ้นไม่สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดทางเทคนิค ซึ่งเป็นภาพไม่ดี และดัชนีฯได้ปรับขึ้นไปกว่า 200 จุด ทำให้เห็นว่า Valuation เริ่มตึงตัว
อย่างไรก็ดี ภาพรวม Fund Flow ยังคงไหลเข้า แม้ว่าวานนี้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิออกมาเล็กน้อยก็มองว่าเป็นการพักตัว แบบขายทำกำไรออกมาบ้างเท่านั้น ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ส่วนใหญ่จะไปทางลบเล็กน้อย อีกทั้งให้รอติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของไทยเดือน ต.ค.ที่จะออกมาในวันนี้ และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันที่ 30 พ.ย.รวมถึงติดตามการชุมนุมทางการเมืองในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,420-1,425 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450-1,455 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ (26 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 7.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 60.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.11 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ย.63) 1,433.56 จุด เพิ่มขึ้น 17.84 จุด (+1.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 592.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ย.63
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการ (26 พ.ย.63) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ย.63) อยู่ที่ 1.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.29 แนวโน้มทรงตัวรอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 30.25-30.35
- "ศุภชัย" ระบุหลังโควิด เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเร็ว จีดีพีโตตามจีน แนะกู้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มการจ้างงาน มองบาทอ่อน ไม่กระทบส่งออก เตือนรัฐบาลอย่าเร่งเปิดประเทศ ห่วงหนี้ครัวเรือน "ทีดีอาร์ไอ" ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นรูปตัวเค แนะปฏิรูปรัฐบาลดิจิทัล เร่งสปีดฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- "สุริยะ" เผยรอเคาะรายละเอียด "รถเก่าแลกรถใหม่" ระบุ "สุพัฒนพงษ์" เร่งเครื่องเต็มที่ หวังมอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทย แย้ม "เทสลา" ติดต่อขอหารือลงทุน "อีวี" ในไทยอีกครั้ง
- รฟท. เซ็นรับเหมา 5 สัญญาก่อสร้างงานโยธารถไฟไทย-จีน วงเงินกว่า 4.02 หมื่นล้านบาท ระยะทางกว่า 101 กม. คาดเคลียร์พื้นที่ออก NTP เริ่มสร้างได้ต้นปี 64 "ปลัดคมนาคม" เร่งสรุปรูปแบบบริษัทเดินรถกลางปี 64 ส่วนช่วงทับซ้อนรถไฟ 3 สนามบินหน้า "ดอนเมือง" ขีดเส้น "ซีพี" ยืนยันก่อสร้างในต้นปีหน้า หวั่นทำก่อสร้างล่าช้า
- นักค้าเงินเผยเงินร้อน ต่างชาติยังไหลเข้าไม่หยุด ดันค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง จับตาธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณซื้อสินทรัพย์ ดันเงินทะลักเอเชีย
- ศูนย์วิจัยเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า ได้ปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ดีขึ้นจากเดิมคาดติดลบ 9% เหลือติดลบ 6.7% ในปีนี้ จากแรงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก 2 ปัจจัยหลัก คือการประกาศความสำเร็จของการทดลองวัคซีน โควิด-19 ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ระดับหนึ่ง และเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ฟื้นตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ แม้จะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ก็ตาม ส่วนการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ยังไม่กลับมา คาดว่าจีดีพีปี 64 จะเติบโตที่ 3.5% และเชื่อว่าระดับจีดีพีจะยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 จนถึงต้นปี 65
- ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท.(PRISM Expert) คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในปี 2564 อยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจากปีนี้ เนื่องด้วยสัญญาณบวกจากความก้าวหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ หลายๆประเทศทั่วโลก รวมทั้งแนวโน้มการใช้พลังงานทดแทน แต่การฟื้นตัวของราคาน้ำมันโลกในปีหน้าก็ยังมีปัจจัยโดยเฉพาะหากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังระบาดอย่างต่อเนื่อง และทั่วโลกไม่สามารถควบคุมได้ก็จะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโดยเฉพาะจากแหล่งดูไบ ที่ประเทศไทยนำเข้าเป็นแหล่งผลิตหลักๆเคลื่อนไหวที่ระดับ 35-45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 130.00 บาท พอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพ คาดปีหน้ารายได้กลับมาโต โดยลูกหนี้ที่เข้าโครงการพักชำระต่ำกว่า 5% ของพอร์ตสินเชื่อ ด้าน NPL คาดยังคุมได้ในระดับ 4-4.5% และปีหน้ารายได้กลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วน Permata ที่อินโด คาดปีหน้าจะช่วยหนุนกำไรให้ BBL ประมาณ 5% พร้อมประเมินกำไรสุทธิของปี ปี 2564-2565 ที่ 2.29 หมื่นล้านบาท และ 2.51 หมื่นล้านบาท เติบโต +14.5%YoY, +9%YoY ตามลำดับ
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 70 บาท คาดกำไร Q4/63 ทำ New High จากสินเชื่อที่โตเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและคาดจะได้ตามเป้าโต 20% ปีนี้ ขณะที่ NPL ต่ำมาก ไม่มีข้อกังวล โดยคาดกำไรปี 2563-2564 +15% Y-Y และ +24% Y-Y ตามลำดับ ผู้บริหารยังคงเป้าสินเชื่อเชิงรุกปี 2564 ที่คาดโต 20-25% ขณะที่ Yield ยังมีช่องวางให้ลดเพื่อรับมือกับการแข่งขันจาก SAWAD-ออมสิน ได้และคาดผลกระทบจะไม่มากในช่วง 1-2 ปีแรก
- CBG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 145 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิ Q4/63 พุ่งทำ New high มาตรการคนละครึ่งและผลิตภัณฑ์ใหม่ Woody C+ Lock หนุนยอดขาย ขณะที่ต้นทุนลดลงจากการเดินเครื่องโรงงานผลิตขวดและแพ็คเกจจิ้งเอง