น.ส.ณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย คาดว่าปลายปีนี้ส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 1.5% ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2% เป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าให้เติบโตขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเงินฝากของธนาคารกสิกรไทย
บริษัทมีแผนในการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้งจาก 69 ราย เป็น 150 ราย ใน 12 เดือนข้างหน้า เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากแบงก์
นอกจากนี้ คาดว่า ในสิ้นปีนี้จะสามารถถึงจุดคุ้มทุน (Break Event) ได้จากเดิมที่มองว่าคงจะมีการขาดทุน
"เดิมตั้งเป้าที่จะ Break Event ใช้เวลา 3 ปี แต่ตอนนี้แค่ 2 ปีที่เปิดดำเนินการมาก็จะสามารถ Break Event ได้ จากเดิมที่จะถึงจุดคุ้มทุนภายใต้วอลุ่มเฉลี่ยที่ 7,200 ล้านบาทต่อวัน แต่ปรากฎว่าปีนี้วอลุ่มเฉลี่ยต่อวันมากกว่าจำนวนดังกล่าวจึงน่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ก่อน" น.ส.ณัฐรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะเริ่มมีกำไรแต่ในครึ่งปีหลังก็จะต้องมีการลงทุนเพิ่มและมีค่าใช้จ่ายเพื่อต่อยอดธุรกิจในปีหน้าจึงทำให้ในปีนี้เป็นแค่ถึงจุดคุ้มทุนและในไตรมาส 4 ของปีนี้ก็จะวางแผนในการทุ่มสินค้าในธุรกิจยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และ TFEX ซึ่งจะเป็นสินค้าที่สม่ำเสมอและเป็นสินค้าที่จะต่อยอดรายได้ให้กับบริษัทในปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าในการขยายฐานลูกค้าสิ้นปีนี้เป็น 7,000 บัญชี จากครึ่งปีแรกที่มี 5,000 บัญชี ในจำนวน 7,000 บัญชีจะมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเป็น 1 หมื่นล้านบาทจากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท และในปีนี้เราจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าให้เป็นรายย่อย 70% สถาบัน 30% และในปีหน้าจะเป็นรายย่อย 60% และสถาบัน 40%
นายวิกรานต์ ปวโรจน์กิจ กรรมการบริหาร สายงานวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะขาย IPO ของบมจ.น้ำประปาไทย (TTW) และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4 ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)กว่า 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการแต่งตั้งจากลูกค้าอีก 7 รายให้เป็นที่ปรึกษาทั้งการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) การออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ การควบรวมกิจการ โดยจะเปิดเผยได้ในปีหน้า
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--