ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 56.74 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 13,322.13 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 12.58 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 1,466.79 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 15.44 จุดหรือ 0.60% ปิดที่ 2,561.25 จุด
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.31 พันล้านหุ้น
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.ร่วงลง 0.2% สู่ระดับ 5.75 ล้านยูนิตต่อปี ส่วนจำนวนบ้านที่ยังไม่สามารถขายได้เพิ่มขึ้น 5.1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.59 ล้านยูนิต
นายไบรอัน เจ็นดรู นักยุทธศาสตร์การลงทุนจากบริษัทไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ถือเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย เนื่องจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งตลอดสัปดาห์ที่แล้ว และเนื่องจากความกังวลเรื่องตลาดปล่อยกู้จำนองเริ่มเบาบางลงแล้ว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ใช้มาตรการเยียวยาในหลายๆด้าน ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารหลายครั้ง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.50%
"รายงานยอดขายบ้านมืองสองประจำเดือนก.ค.ได้กระตุ้นให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดปล่อยกู้จำนองอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าความกังวลในเรื่องนี้ยังมีอิทธิพลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก อย่างไรก็ตาม กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ ได้ช่วยพยุงตลาดไม่ให้ร่วงรุนแรงเกินไป โดยเมื่อวานนี้เฟดได้เข้าแทรกแซงตลาดอีกครั้งด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 9.5 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคาร เพื่อผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ" นายเจ็นดรูกล่าว
นักลงทุนขานรับข่าวที่ว่าบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป จะเข้าซื้อกิจการบริษัทสเทลโกของแคนาดา เป็นวงเงินมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ และข่าวที่ว่าบริษัทเอบีบีซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมไฟฟ้าของสวิส เตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัทชิคาโก บริดจ์ แอนด์ ไอออน เอ็นวี มูลค่า 950 ล้านดอลลาร์ รวมถึงข่าวที่ว่าบริษัทเอเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของไต้หวัน จะเข้าซื้อกิจการบริษัทเกทเวย์ของสหรัฐ มูลค่า 710 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวหนุนหุ้นเกทเวย์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 50% ส่วนหุ้นโฮมดีโปท์ทะยานขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 32.25 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทโฮมดีโปท์ตกลงขายธุรกิจค้าส่งให้กับกลุ่มไพรเวทอิควิตี้กลุ่มหนึ่ง เป็นเงินมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--