นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารสายกิจการองค์กร บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวมีกลุ่มทุนใหม่เข้ามาซื้อกิจการ BEC ว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง และกลุ่มมาลีนนท์ก็ยังคงถือหุ้นอยู่ ส่วนกลุ่มจุฬางกูร ก็ถือหุ้น BEC สัดส่วนกว่า 19% มาหลายปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มาโหวตในฐานะผู้ถือหุ้นมาตลอด แต่อาจจะถูกโยงกับกลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจกลายเป็นข่าวลือว่าจะเข้ามาถือหุ้น BEC ซึ่งขณะนี้ไม่มีข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อ 7 ก.ค.63 ปรากฎชื่อนายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือสัดส่วน 14.24% นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร 3.53% และนายณัฐพล จุฬางกูร ถือ 1.86% ส่วนคนในตระกูลมาลีนนท์ที่ถือหุ้นใหญ่ใน BEC ได้แก่ น.ส.รัตนา มาลีนนท์ ถือ 9.38% น.ส.อัมพร มาลีนนท์ ถือ 6.81% น.ส.นิภา มาลีนนท์ ถือ 6.81% และนายประชุม มาลีนนท์ ถือ 2.00%
ขณะที่ผลการดำเนินการของช่อง 3 นายชาคริต กล่าวว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยคาดว่าในไตรมาส 4/63 น่าจะมีกำไรดีกว่าในไตรมาส 3/63 ที่มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท จากละครเป็นสิ่งที่ช่อง 3 ถนัด โดยบริษัทออกอากาศละครเรื่องใหม่และออกขายผ่านแพลตฟอร์มในจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ที่มีการออนแอร์พร้อมกัน ทำให้ละครได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ละครฟอร์มยักษ์เรื่องสุดท้ายในปีนี้คือ "ตราบฟ้ามีตะวัน" รวมทั้งสามารถนำละครเก่ามารีรันขายโฆษณาได้ และมีรายได้ใหม่จากช่องทางใหม่ ได้แก่ แอพ 3 พลัส
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าผลประกอบการทั้งปี 63 คงยังไม่เห็นกำไร โดยในงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีผลขาดทุน 481.78 ล้านบาท แต่คาดว่าในปี 64 มีโอกาสที่จะพลิกฟื้นเป็นกำไรได้ ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ BEC จะจัดงานเปิดวิกบิ๊ก 3 The New Normal ภายใต้คอนเซ็ปต์"วิถีใหม่ ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา"เพื่อแนะนำละครล็อตใหม่ที่พร้อมจะออนแอร์ในปี 64 กับละคร 14 เรื่อง ได้แก่ ดวงใจในมนตรา , สองเสน่หา, ดาวคนละดวง, มายาเสน่หา,พิภพหิมพานต์, เมียจำเป็น, อุบัติร้าย อุบัติรัก, ดวงตาที่สาม, บาปอยุติธรรม, พราวมุก, อีสาวอันตราย, แม่ครัวคนใหม่, สะใภ้เจ้าสัว และ สุดร้ายสุดรัก