บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ถึงภาพรวมการลงทุนในเดือน ธ.ค.โดยประเมินว่าดัชนี SET แกว่งในกรอบ 1,390-1,445 จุด มีปัจจัยที่ต้องติดตาม 3 ปัจจัย ได้แก่ การควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.เชียงใหม่, การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ต่อการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตระดับปัจจุบันออกไป 3-6 เดือน ก็คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรบริเวณ 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ตลอดจนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ตลาดคาดหวังถึงการออกมาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องแก่บริษัท และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกลับมาระบาดรอบสองของโควิด-19 ขณะเดียวกันตลาดยังจับตาดูยอดการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เพื่อประเมินแนวโน้มของนักลงทุนสถาบันเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 64 ยังมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่จะได้ประโยชน์จากสภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง รวมถึงพัฒนาการด้านวัคซีนต้านโควิด-19 และสภาพการค้าโลกที่ดีขึ้น ขณะที่ราคาทองคำยังเผชิญกับแรงกดดันจากโอกาสที่เส้นโค้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve) อาจชันตัวขึ้น และอุปสงค์การลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยที่น้อยลง
นอกจากนี้ ยังพบว่าดัชนีความผันผวน เช่น VIX ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ และคาดว่ากลุ่ม Value play จะเป็นกลุ่มขับเคลื่อนดัชนีในรอบนี้ โดยประเมินเป้าหมายดัชนี SET ที่ 1,520 จุด