นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม.ซี.เอส สตีล (MCS) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ในปี 64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) หรือเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจะเติบโตมาที่ 1,150 ล้านบาท ตามปริมาณการขายโครงสร้างเหล็กที่คาดจะเพิ่มขึ้นมาที่ 90,000 ตัน ด้วยราคาขายเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 250,000 เยนต่อตัน อ้างอิงจากค่าเงินบาทที่ระดับ 29.50 บาท/ค่าเงินเยน 100 เยน จากปีนี้ที่น่าจะมีปริมาณการขายโครงสร้างเหล็กอยู่ที่ 60,000 ตัน
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1.7 แสนตัน ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก คาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบงานได้ไปจนถึงปี 65 ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าจะสามารถส่งมอบงานได้ราว 50,000-60,000 ตัน โดยหลักจะเป็นงานก่อสร้างตึกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หรือ The Toranomon Azabudai Project เป็นต้น
ส่วนโอกาสการเข้าไปรับงานในอนาคต MCS มองว่ายังมีอีกมาก เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความต้องการผู้รับเหมารายเล็กจำนวนค่อนข้างมากเพื่อรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น เช่น ในปีหน้าประเทศญี่ปุ่นจะมีการลงทุนรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกหลายสาย ส่งผลทำให้จะเกิดการลงทุนอาคารสูงตามมา บริษัทก็น่าจะได้รับงานเข้ามาเพิ่ม
ขณะนี้บริษัทเดินเครื่องกำลังผลิตในประเทศไทยอยู่ที่ 50,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตที่รองรับได้ทั้งหมด 70,000 ตันต่อปี , บริษัทย่อย M.C.S. Steel-Xiamen Co.,Ltd. ประเทศจีน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 15,000-20,000 ตันต่อปี และบริษัทย่อย M.C.S.-Japan Co.,Ltd. ประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 15,000 ตันต่อปี ซึ่งในปีหน้ายังไม่มีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตดังกล่าว เนื่องจากยังสามารถรองรับงานได้อยู่
ด้านผลประกอบการในปี 63 นี้คาดว่ารายได้จะเติบโตมาที่ราว 4,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโตเป็น 1,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้แล้ว 3,520.36 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 730 ล้านบาท ขณะที่จะมีการส่งมอบงานในช่วงที่เหลือของปีอีก 10,000 ตัน จาก 9 เดือน ส่งมอบงานไปแล้ว 50,000 ตัน
"ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าเรามีกำไรสุทธิเติบโต ซึ่งสิ้นปีนี้เราก็คาดว่าจะแตะ 1,000 ล้านบาทได้ แต่ยังทำนิวไฮ เนื่องจากเราเคยทำได้ที่ระดับ 1,200 ล้านบาทในปี 59 ซึ่งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตามหากเป็นไปตามคาดเราจะพิจารณาจ่ายปันผลเพิ่มอย่างน้อย 0.60 บาท/หุ้น จากเดิมที่จ่ายไปแล้ว 0.40 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินปันผลรวม 1 บาท/หุ้น" นายไนยวน ชิ กล่าว