นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปี 64 จะเติบโตมากกว่าระดับปกติที่โตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี เนื่องจากในปีหน้า APCO จะมุ่งเน้นการขยายตลาดไปในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งในประเทศดังกล่าวมีจำนวนประชากรค่อนข้างสูง
สำหรับผลิตภัณฑ์จะจำหน่ายในประเทศจีนะดำเนินการผ่านตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทเครือข่ายสุขภาพภูมิคุ้มกัน (APCO Greenland Specialist Medical Center และ APCO Spring Rejuvenation City) ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี (64-65), บริษัทศูนย์ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าราว 1,000 ล้านหยวน จากปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาแล้ว แต่จะเริ่มเห็นยอดขายชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เป็นต้นไป
รวมถึงผลิตภัณฑ์อีก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มอาหารเสริม (BIM Products) ได้แก่ Th17, BIM A, BIM D, BIM O, BIM H, BIM Mangosteen Juice 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์กระชับสัดส่วน (Slimming Products) ได้แก่ Gold Shape Lotion, Gold Shape Instant Drink, Gold Shape Capsule และ 3.กลุ่มเสริมความงาม (Cosmetics) ได้แก่ Asian Life Revitalizing Serum, Asian Life Revitalizing Cream
ขณะที่บริษัทก็ยังมุ่งดำเนินการผลิตภัณฑ์หลักที่ทำยอดขายเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ ภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับ HIV/AIDS, ภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับมะเร็ง และผลิตภัณฑ์กระชับสัดส่วน ผ่านการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital Marketing เป็นหลัก โดยคาดว่าในอนาคตยอดขายของ APCO จะมาจากช่องทางออนไลน์ (Online) เกือบ 100%
"ในปีหน้าเราคงดำเนินการในเรื่องของภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับ HIV/AIDS อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้กับเราอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับมะเร็ง เราจะทำการตลาดผ่านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งมากขึ้น จากปัจจุบันเราก็มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการให้กับเราอยู่ อีกทั้งเราจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุ โดยจะร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ คาดว่าหากมีการจับมือกับทางพาร์ทเนอร์ ก็จะเริ่มเปิดตัวผิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ ส่วนการขยายตลาดเราก็มุ่งเน้นไปที่ประเทศจีนเป็นหลัก" นายพิเชษฐ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/63 คาดจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/63 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีลูกค้าเพิ่มขึ้น หลังปรับรูปแบบการขายในลักษณะขายตรง (Direct Sales) เป็นการกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางดิจิทัลแทน ทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย คาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนยอดขายออนไลน์ขึ้นไปแตะ 60% จากเดิม 50% ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายผ่านเครือข่าย
ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 63 จะเติบโต 15-20% จากปี 62 ที่มีรายได้รวม 255.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 57.90 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวม 191.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 52.80 ล้านบาท พร้อมคงเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ระดับ 80% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 20-25%