ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยข้อมูลผ่าน SET NOTE ฉบับที่ 12/2563 เรื่อง "ส่องตลาดหุ้นไทย ผ่านโครงสร้างผู้ถือหุ้น" โดยระบุว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 มีบัญชีที่เปิดเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์กว่า 3.32 ล้านบัญชีในตลาดหุ้นไทย เพิ่มขึ้นกว่า 554,000 บัญชี จากสิ้นปีผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปกติเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 230,000 ถึง 330,000 บัญชี และมีนักลงทุนรวม 1.45 ล้านราย เพิ่มขึ้น 13.68% จากเดือนมกราคม 2563
"ในปี 2563 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากผู้ต้องการลงทุน ดังเห็นได้จากจำนวนบัญชีที่เปิดบัญชีจำนวนมาก โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 พบว่า มีบัญชีที่เปิดสำหรับซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดรวม 3.32 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นกว่า 554,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น 20% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์...นอกจากนี้ ยังพบว่าบัญชีเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมดเป็นบัญชีซื้อขายฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยจำนวนบัญชีชี้อขายฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นกว่า 553,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้น 22% ไปอยู่ที่ 3.02 ล้านบัญชี และมีข้อสังเกตว่า ในเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ SET Index ปรับตัวลดลง มีการเปิดบัญชีการซื้อขายฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตมากกว่าเดือนละ 77,000 บัญชี"
ทั้งนี้ จากข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนของบริษัทจดทะเบียนไทย จำนวน 695 บริษัท พบว่า ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2563 ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้น โดยนักลงทุนในประเทศที่ 73% และการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างประเทศที่ 27% ซึ่งใกล้เคียงกันกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นไต้หวัน
เมื่อพิจารณาการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการ พบว่า ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนกลยุทธ์ (strategic investors) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับนักลงทุนรายย่อย (free float) โดยนักลงทุนกลยุทธ์ถือครองหุ้น 55% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ขณะที่นักลงทุนรายย่อยถือครองหุ้นในส่วนที่เหลือ คือ 45% แสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยมีทั้งนักลงทุนที่ลงทุนระยะยาวและนักลงทุนที่ทำกำไรในระยะสั้น ในสัดส่วนที่ไม่แตกต่างกันมาก
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาตามสิทธิการออกเสียง (voting right) ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น พบว่านักลงทุนในตลาดหุ้นไทยถือครองหุ้นตรงกับสิทธิการออกเสียงฯ กล่าวคือ มูลค่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่เป็น local shares 73% รองลงมา คือ foreign shares 21% และ Non-Voting Depository Receipts (NVDR) 6% สอดคล้องกับนักลงทุนต่างประเทศที่ถือครองหุ้น 27% เท่ากับการถือครองหุ้น foreign shares และ NVDR รวมกัน
"ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว โดยมีนักลงทุนกลยุทธ์ถือครองหุ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งของตลาด และเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สังเกตได้จากนักลงทุนรายย่อยที่มีมูลค่าการถือครองกว่า 40% และมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันที่สูงกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในอาเซียน"