นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยประกันภัย เปิดเผยภายในงาน "Insurance Will Never be the Same" ว่า บริษัทคาดเบี้ยประกันภัยในปี 64 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เทียบจากฐานปี 62 ที่มีเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท เนื่องจากจากตั้งแต่ต้นปีนี้บริษัทได้ดำเนินการปรับ Business Model ใหม่ หรือทรานฟอร์มธุรกิจมาเป็นดิจิทัล ทำให้กินระยะเวลาการดำเนินงานไปถึง 10 เดือน และส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันมีเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท
"ในปี 63 ไทยประกันภัย ได้มุ่งมั่นเพื่อเปลี่ยนแปลงและพลิกโฉมธุรกิจตลอดทั้งปี โดยผสาน "อินชัวร์เทค" (InsurTech) หรือเทคโนโลยีประกันภัย เพื่อยกระดับประสบการณ์แก่ลูกค้าทุกขั้นตอน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ให้คนไทยสามารถมีหลักประกันในการใช้ชีวิตตามนโยบาย "ประกันที่ทุกคนเข้าถึงได้" มอบความคุ้มครองที่คุ้มค่าโดยยึดผู้บริโภคเป็นหัวใจอย่างแท้จริง อีกทั้งยังทรานส์ฟอร์มประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับตัวแทน นายหน้า และ คู่ค้าอีกด้วย"นายมหัทธนะ กล่าว
ขณะที่ปีหน้าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลการดำเนินงานได้อย่างเต็มที่ ภายหลังการทรานฟอร์มธุรกิจมาเป็นดิจิทัล โดยเฉพาะบริการการซื้อขายประกันภัยผ่านออนไลน์ หรือ พี่ช้างออนไลน์ ระบบ E-Commerce Platform เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ พร้อมรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Policy) และรับความคุ้มครองทันที โดยบริษัทตั้งเป้าการซื้อขายประกันภัยผ่านออนไลน์ดังกล่าวจะเติบโตเป็น 2.5 เท่า ภายใน 3 ปีจากนี้ และจะเติบโตเป็น 100% ในอนาคตอันใกล้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการปิดสาขาไทยประกันภัยไปทั้งหมดแล้ว เหลือเพียง 1 สาขาที่กรุงเทพฯ
นายมหัทธนะ กล่าวว่า ในปี 63 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่บริษัทได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วยดิจิทัล โดยเมื่อต้นปี 63 ได้ก่อตั้ง TIC Lab ห้องแล็บนวัตกรรมเพื่อศึกษา ประยุกต์เทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อวงการประกันภัย โดยหนึ่งในผลงานแรกของ TIC Lab คือ "พี่ช้างออนไลน์" (PChang Online) ระบบ E-Commerce Platform เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ พร้อมรับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Policy) และรับความคุ้มครองทันที นอกจากนี้ยังปรับโฉมเว็บไซต์ Thaiins.com เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นในทุกขั้นตอน
ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์ความต้องการ (Pain Point) ของลูกค้าเรื่องการเคลมอุบัติเหตุทางรถยนต์ ด้วยแอปพลิเคชัน TIC The Surveyor บนสมาร์ทโฟน มอบประสบการณ์การเคลมบนท้องถนนที่รวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันแอปพลิเคชัน TIC The Surveyor สามารถใช้งานได้แล้วทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ยังมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีประกันภัยอย่างต่อเนื่อง พลิกมุมมองธุรกิจประกันภัยที่ไม่ได้มีแค่คนขายและคนซื้อ แต่มีจุดมุ่งหมายคือการสร้างอีโคซิสเต็มที่ตอบโจทย์ พาร์ทเนอร์และตัวแทนขายไปพร้อมกัน เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์การเป็นศูนย์กลางของการพัฒนานวัตกรรมประกันภัย
"ปี 63 เป็นเพียงแค่ Chapter แรกของ TIC ซึ่งเรายังมีนวัตกรรม เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายสำหรับคนไทยทุกคน ตลอดปีหน้า สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าด้วยประกันที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งไม่เพียงแค่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังยกระดับเทคโนโลยีให้แก่ตัวแทน TIC และพันธมิตรของเรา เพื่อเปลี่ยนแปลงวงการประกันในเมืองไทย เพราะจากนี้ไป Insurance Will Never be the Same"นายมหัทธนะ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นในเรื่องของ Expand หรือ ขยายความร่วมมือกับธุรกิจพันธมิตรต่างอุตสาหกรรม ในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงขยายช่องทางการขายผ่านพันธมิตรที่ครอบคลุมใน 77 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็น Bancassurance , finance agency และองค์กรต่างๆ อีกทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในรูปแบบใหม่ด้วย
นายมหัทธนะ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินการในช่วง 3 ปีจากนี้ จะดำเนินงานผ่าน 3 กลยุทธ์ คือ 1.Transform หรือพลิกโฉมองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการก้าวขึ้นเป็น Thailand?s No.1 Innovative Insurer 2. Innovate หรือ การเดินหน้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว ที่ช่วยออกแบบแผนประกันและสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คู่ค้า และ 3.Expand หรือ ขยายความร่วมมือกับธุรกิจพันธมิตรต่างอุตสาหกรรม เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ธุรกิจประกันภัยนวัตกรรมรายแรกของไทย และสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าต่อแบรนด์ TIC ไทยประกันภัย
อีกทั้ง บริษัทยังมองโอกาสในการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่นี้ไปยังต่างประเทศด้วย เนื่องจาก Business Model ของไทยประกันภัย ถือว่ามีความพร้อมที่จะออกไปต่างประเทศได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ