BATA คาดปี 50 โตสวนกระแสราว 10% จากผลปรับตัวสู้คู่แข่ง/บาทแข็งไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 7, 2007 11:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.รองเท้าบาจาแห่งประเทศไทย(BATA)คาดว่า ผลประกอบการทุกด้านในปี 50 ขยายตัวอย่างน้อย 10% จากปีก่อนสวนกระแสอุตสาหกรรมรองเท้าที่ปิดกิจการไปแล้วหลายราย โดยระบุว่าการเติบโตเป็นผลจากการเร่งปรับตัวอย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาด้วยการหันมาจ้างผลิต พร้อมทั้งลดต้นทุนดำเนินงานสู้คู่แข่งสำคัญอย่างจีนและเวียดนาม ขณะที่บาทแข็งค่าไม่ได้มีผลกระทบเพราะตลาดส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ แต่ก็ชะลอลงทุนใหม่ขยายธุรกิจ หันมาเร่งล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 35 ล้านบาทให้หมดไปเพื่อจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น
นายประกิต ประทีปะเสน รองประธานกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบ BATA คาดว่า ในปีนี้ทั้งยอดขาย รายได้ กำไรสุทธิ อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าจะดีกว่าปีก่อนอย่างน้อย 10% หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา BATA เร่งปรับตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิตทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"เราว่าปีนี้เราน่าจะดีกว่าปีที่แล้วในทุกๆด้านอย่างน้อย 10%...เราเน้นว่ากำไรจะต้องดีกว่าปีที่แล้ว จากการที่เราปรับตัวอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อให้แข่งขันได้"นายประกิต กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
*ปรับตัวหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนพ้นวิกฤต,บาทแข็งไม่กระทบ
นายประกิต กล่าวว่า ภาวะการแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้มีผลกระทบกับบริษัท และจะไม่มีการปิดกิจการแน่นอน เพราะสินค้าของ BATA ขายในประเทศเกือบ 100% แต่ในมุมมองของบริษัทไม่ได้เห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนว่าจะมีผลต่อธุรกิจเท่ากับเรื่องแรงงานที่เสียเปรียบคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกว่า เพราะทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
จนถึงวันนี้ บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทปรับตัวอย่างหนักโดยเฉพาะด้านการผลิต รวมทั้งหาทุนมาเพิ่มในการทำธุรกิจ โดยการผลิตก็หันมาเน้นการคิดและออกแบบ และจ้างคนอื่นผลิตเป็น Outsource เนื่องจากต้นทุนถูกกว่า
"เราไม่ได้รับผลกระทบจากบาทแข็งเลย และไม่ต้องห่วงว่าเราจะปิดกิจการเหมือนคนอื่น อีกอย่างเราปรับตัวหนักมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะเรารู้ว่าต้นทุนเรื่องแรงงานของเราสู้จีนกับเวียดนามลำบาก ถ้าวันนั้นเราไม่ปรับตัว วันนี้เราคงอยู่ไม่ได้"นายประกิต กล่าว
นายประกิต กล่าวว่า แนวทางการปรับตัวของ BATA คือ เลิกการผลิตเองและหันไปจ้างผลิตโดยมี BATA เป็นผู้ออกแบบ ก่อนจะส่งกลับมาให้จำหน่าย ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเลือกผู้ผลิตที่มีคุณภาพได้ และปรับปรุงคุณภาพสินค้าได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงส่งผลให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมาผลการดำเนินงานของ BATA ปรับตัวดีขึ้น โดยปี 47 รายได้รวมที่ 958.50 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.33 ล้านบาท, ปี 48 รายได้รวม 1,024.67 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.40 ล้านบาท, ปี 49 รายได้รวม 1,167.76 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.08 ล้านบาท
ขณะที่ Q1/50 รายได้รวม 309.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12.86 ล้านบาท
*ชะลอขยายธุรกิจ มุ่งล้างขาดทุนสะสม-สร้างความมั่นคง
นายประกิต กล่าวว่า แผนงานในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะต้องทำให้ธุรกิจมั่นคงหลังจากเคยขาดทุนหนักมาแล้ว ดังนั้นบริษัทจะยังไม่โหมขยายธุรกิจ แต่จะเน้นการปรับปรุงคุณภาพการผลิต คุณภาพสินค้า ส่วนเรื่องช่องทางจำหน่ายร้านบาจาก็จะเปิดเพิ่มบ้างแล้วแต่โอกาส
"เรื่องช่องทางจำหน่ายร้านรองเท้าบาจา ยังไปได้เรื่อยๆ แต่อาจจะช้าหน่อย"นายประกิต กล่าว
นายประกิต กล่าวว่า ปี 50 ก็อาจจะยังจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ได้ เพราะยังมีขาดทุนสะสมอยู่พอสมควร
ณ 31 มี.ค.50 BATA มีขาดทุนสะสมประมาณ 35 ล้านบาท
"คาดว่าถ้าขาดทุนสะสมไม่เยอะ ก็คงจะหมดในปีสองปี...เราไม่ได้จ่ายปันผลมา 5-6 ปีแล้ว ผู้ถือหุ้นก็บ่นแต่ไม่รู้จะทำยังไง ก็พยายามอยู่"นายประกิต กล่าว
อนึ่ง นโยบายจ่ายปันผลของ BATA จะพิจารณาจากสภาพธุรกิจและผลกำไร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ