(เพิ่มเติม) JKN ลุยขยายธุรกิจ Commerce เป็นเรือธงดันรายได้แตะ 1 หมื่นลบ.ภายใน 5 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 8, 2020 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย(JKN) ตั้งเป้ารายได้ใน 3 ปี (ปี 64-66) เพิ่มขึ้นแตะ 5 พันล้านบาท ก่อนจะเพิ่มแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยจะผลักดันรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Commerce ให้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่สร้างกำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มธุรกิจ Content ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนและเร่งอัตราการเติบโตด้านผลการดำเนินงานในอนาคต

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ภายใน 5 ปี เพิ่มขึ้นไปแตะ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากแผนงานในช่วงปี 64-66 คาดว่าจะทำรายได้เพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท พร้อมผลักดันบริษัทเข้าคิดคำนวณดัชนี SET50

ปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้จะมาธุรกิจ Commerce ที่บริษัทมองว่าจะมีเห็นการเติบโตมากขึ้นต่อเนื่อง จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การดำเนินธุรกิจด้านบริการทางการแพทย์เกี่ยวกับความงาม ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้ให้กับ JKN มากขึ้น คาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Commerce จะเพิ่มเป็น 60% ในปี 68 จากปี 64 อยู่ในระดับราว 30% และสัดส่วนธุรกิจ Content จะปรับลดมาอยู่ที่ 40% จากปี 64 อยู่ที่ 70%

ทั้งนี้ ในปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท จากปี 63 คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.8-1.9 พันล้านบาท โดยรายได้ในปีหน้าจะมาจากธุรกิจ Content ราว 2 พันล้านบาท และรายได้จากธุรกิจ Commerce ราว 1 พันล้านบาท ขณะที่มีแผนลงทุนรวม 1 พันล้านบาท แบ่งเป็น การซื้อ Content เข้ามา 800 ล้านบาท การผลิตซีรีย์สยามรามเกียรติ์ 100 ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจ Commerce อีก 100 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจคอมเมิร์ช จะมีธุรกิจใหม่เพิ่มเข้ามา 3 ประเภท ได้แก่ คลินิกศัลยกรรม ที่ร่วมทุนโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 คลินิกศูนย์ตกแต่งเส้นผมสำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมร่วมกับพันธมิตรเกาหลี โดยทั้ง 2 คลินิกจะเปิดให้บริการต้นปี 64 รวมทั้งจำหน่ายน้ำดื่มสมุนไพรสกัดและวิตามินที่จะเข้ามาเสริมรายได้ในปีหน้า

ส่วนการขาย Content ส่งออกไปต่างประเทศให้กับพันธมิตรทีวีดิจิทัลของไทยในปีหน้าจะมีการขายคอนเทนท์ให้กับช่อง 3 และช่อง 8 และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับช่องทีวีดิจิทัลอีก 1 ช่องที่สนใจ ขณะที่บริษัทจะซื้อ Content จากต่างประเทศเข้ามาบริหารลดลงจากปีนี้ที่ซื้อไปมากถึง 2 พันล้านบาท แต่ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งในไทยและในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทมี Backlog ที่รอส่งมอบให้กับลูกค้าราว 300 ล้านบาท

นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนในธุรกิจชาหมัก ซึ่งจะเป็นลักษณะความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มสิงห์และกฤษน์ ศรีชวาลา ซึ่งได้มีการเจรจากันแลวในเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 150 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/64

นอกจากนั้น คาดว่าภายในไตรมาส 1/64 หลังจากบริษัทฯเข้าทำรายการตามที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัททั้งหมดแล้ว จะทำให้กลุ่มธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Content ซึ่งเป็นธุรกิจเดิม และกลุ่ม Commerce ประกอบด้วย สินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มและไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

บริษัทยังมีแผนการขยายธุรกิจโดยต่อยอดจากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำตลาดจากกลุ่มธุรกิจ Content ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กลยุทธ์ ?ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง? สนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจ Commerce แข็งแกร่งและผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Content ของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยในปี 64 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อยู่ที่ 50% เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company ในอุตสาหกรรมค้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายกมลรัตน์ มงคลครุธ รองกรรมการผู้จัดการสายงานขาย JKN กล่าวว่า บริษัทได้นำจุดแข็งด้าน CEO Branding และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในเชิงการตลาด (Creative Content Marketing) มาช่วยสื่อสารการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจ Commerce ผ่านรูปแบบรายการต่างๆ ทั้งการผลิตคอนเทนต์โดย JKN (JKN Originals) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 20 รายการ และ การ tie-in สินค้า ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ตเวิร์ค และบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของ JKN สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดสินค้า ได้แก่ 1. หมวดสินค้าสุขภาพและความงาม เช่น C-TRIA by Anne JKN (ซีเทรีย) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผิวสวยสุขภาพดี และแก้ไขปัญหาผิวถึงระดับยีน Olig Fiber (โอลิก ไฟเบอร์) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อรูปร่างดีช่วยดีท็อกซ์ปรับสมดุลในลำไส้ อุดมไปด้วยพรีไบโอติกและไฟเบอร์จากผักและผลไม้กว่า 10 ชนิด ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและชะลอวัย V-Allin (วี ออลิน) พลังเพื่อความสำเร็จวิตามินรวมกว่า 72 ชนิด ที่สกัดจากธรรมชาติ 100% ช่วยบาลานซ์และปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกาย และ Fish Cap (ฟิช แคป) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก วัย 1 ขวบขึ้นไป ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทั้ง IQ และ EQ บำรุงสมองและสารสื่อประสาทที่มีผลต่อความจำสมาธิ และ Hair Now (แฮร์ นาว) ผลิตภัณฑ์ปลูกหนวด คิ้ว ผม และบำรุงรากผมให้แข็งแรง ดกดำ อยู่เสมอ

2. หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้แก่ อาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูปแบรนด์ หมี่วอย และ ทูฟิต เครื่องดื่มสมุนไพรสกัด และ เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน ภายใต้แบรนด์สินค้า CUPID (คิวปิด) และ 3. หมวดสินค้าบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ธุรกิจสอนทำอาหาร คลินิคศัลยกรรมตกแต่งความงาม เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนออกผลิตภัณฑ์คุณภาพใหม่ๆ ปีละ 40-50 รายการ ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม กระจายสินค้าไปทุกช่องทาง ทั้งร้านค้าปลีกทั่วไป (Traditional Trade) และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ซึ่งมั่นใจว่าคุณภาพที่ดีของสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ