นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวขึ้นกัน เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่ปรับขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขานรับพัฒนาการวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เป็นหลัก
ส่วนบ้านเรารับแรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 6 พันล้านบาท ทำให้วอลุ่มเทรดโดยรวมของตลาดวานนี้หนาแน่น และเงินบาทเช้านี้ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ Fund Flow น่าจะไหลเข้าต่อเนื่องได้ ซึ่งส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่น่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ แต่อาจจะจำกัดการขึ้น เนื่องจากหุ้นหลายตัวได้เข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) แล้ว ทำให้ระหว่างทางอาจเผชิญแรงขายทำกำไรได้ แต่เชื่อว่าคนยังเล่นเก็งกำไรอยู่ จากสภาพคล่องที่สูงทำให้ตลาดฯน่าจะปรับขึ้นได้ต่อ อีกทั้งยังมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,500 จุดได้ในวันนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ยังมีหลายปัจจัยต้องติดตามทั้งเรื่องที่อังกฤษอาจจะเผชิญกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) และพัฒนาการวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่เริ่มเจอผู้ติดเชื้อมากขึ้น และสัปดาห์หน้าก็ติดตามหุ้นเข้า/ออกใน SET50 และ SET100 อีกทั้งสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,470-1,465 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,500 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,173.88 จุด เพิ่มขึ้น 104.09 จุด (+0.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,702.25 จุด เพิ่มขึ้น 10.29 จุด (+0.28%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,582.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.82 จุด (+0.50%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 59.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 205.86 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 23.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.37 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ธ.ค.63) 1,478.92 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด (+2.01%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,664.73 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ธ.ค.63) ปิดที่ 45.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ธ.ค.63) อยู่ที่ 0.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.03 แข็งค่ากว่าภูมิภาคจากเงินไหลเข้า ตลาดจับตา Brexit โค้งสุดท้าย
- ครม.ทุ่ม 4.25 หมื่นล้าน กระตุ้นบริโภค ดัน "คนละครึ่ง" เฟส 2 ลงทะเบียน 16 ธ.ค.รับ 3,500 บาท ให้สิทธิเพิ่ม 5 ล้านคน พร้อมช่วยผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐต่อ ม.ค.-มี.ค.64 จ่ายเพิ่มเดือนละ 500 บาท หวังเงินหมุนเวียน 1.05 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจ 0.32%
- ทีดีอาร์ไอ ประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างช้าๆ ห่วงปัจจัยเสี่ยง ส่งออกไปจีน นักท่องเที่ยวลดฮวบ หนี้ครัวเรือนแตะ 86% ลามภาคอสังหาฯ คาดผลจากพิษโควิด กระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดวูบ 9 แสนล้านบาท คาดปี 2565 ปริมาณการซื้อจะใกล้เคียงกับปี 62 ที่ 3.92 แสนหน่วย ด้าน ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ลุ้นดีมานด์ใหม่ฟื้น หวั่นซัพพลายล้นตลาด อัตราดูดซับช้า
- น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้จะมองอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยปีหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นบวก 2.6% โดยมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งการบริโภคและการลงทุน แต่ GDP เติบโตในอัตราที่ถือว่าไม่สูงนัก สะท้อนภาพของความไม่แน่นอน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ท่ามกลางการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดที่ยังมีประเด็นเรื่องความเพียงพอและการเข้าถึงวัคซีน ทำให้คาดว่าแนวทางการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยคงจะทยอยทำได้อย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
- นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. 63 ว่า ในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีครั้งนี้ บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ และสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้คาดว่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.11 ล้านคน-ครั้ง ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วงวันหยุดพิเศษเดือนที่ผ่านมา และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 12,600 ล้านบาท โดยมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง ที่มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งจากการสำรวจอัตราการเข้าพักพบว่ามีเฉลี่ย 40%
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวถึงการส่งออกเดือนต.ค. ที่ผ่านมาว่ามีมูลค่า 19,376 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.8 แสนล้านบาท ติดลบ 6.71% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นำเข้า 17,330 ล้านดอลลาร์ 5.2 แสนล้านบาท ติดลบ 14.32%
*หุ้นเด่นวันนี้
- MBK-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เอ็ม บี เค (MBK)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 67,792,116 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 11 เดือน 24 วันนับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ม.ค. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 พ.ย. 2566
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 216 บาท เป็นหุ้น Big Cap ที่ราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้น SET50 อื่น ๆ ทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามและเป็นเป้าของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าในฐานะ Laggard Play พร้อมคาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q2-Q3/63 และทยอยฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงรายได้จาก Roaming และซิมนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาในระยะถัดไปหลังการทยอยแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 และผ่อนปรนมาตรการคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
- SAWAD (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า สูงสุด IAA Consensus 67 บาท ได้ประโยชน์จากการร่วมธุรกิจกับธนาคารออมสิน จากฐานสินเชื่อเพิ่มขึ้น ต้นทุนเงินทุนลดลงจากชดเชย yield ที่ลดลงของธุรกิจจำนำทะเบียนรถจาก 21% เป็น 18%
- ANAN (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 2.10 บาท ผลการเนินงานในช่วง Q4/63 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นจากการรับรู้รายได้จากคอนโดใหม่ถึง 5 โครงการ นอกจากนั้น Take Up Rate มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง QoQ สะท้อนภาพของกลุ่มอสังหาที่กำลังฟื้นตัว และคาดผลการดำเนินงานในปี 2564 เติบโตโดดเด่น พร้อมประเมินกำไรปี 2564 ที่ 775 ลบ. เติบโต +190%YoY จากฐานที่ต่ำในปีนี้ สำหรับลูกค้าชาวต่างชาติจะเริ่มกลับมานับตั้งแต่กลางปี 2564 เป็นต้นไปตามการเดินทางระหว่างประเทศที่เริ่มปลดล็อก