นายสุทธิพร จันทวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นวนคร (NNCL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิในปี 64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) จากการลดต้นทุนต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจที่มั่นคงมากขึ้น ไม่เหมือนกับในอดีตที่ทำนิวไฮ จากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินล็อตใหญ่ ขณะที่รายได้ก็คาดว่าจะเติบโตกว่าปีนี้ โดยหลักจะมาจากรายได้จากการให้บริการ และรายได้ค่าเช่า (Recurring income) และรายได้จากโครงการโรงผลิตไฟฟ้า NNEG เฟส 2 ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี หลังสิ้นเดือนต.ค.63 NNEG ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์และเริ่มรับรู้รายได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว ส่งผลทำให้ NNEG มีกำลังการผลิตรวม 185 เมกะวัตต์ และไอน้ำรวม 40 ตันต่อชั่วโมง แบ่งเป็น เฟส 1 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 125 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 60 ต้นต่อชั่วโมง, เฟส 2 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง
นอกจากนี้จะมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค ตามสัญญาซื้อขายน้ำประปา 5 ปี จะต้องขายน้ำขั้นต่ำ 10,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างวางท่อและติดตั้งระบบ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปลายเดือนธ.ค.นี้ ทำให้จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 64 เข้ามาเต็มปี
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการจัดระเบียบสายสื่อสาร (Fiber Optic) ซึ่งมีการดำเนินงานต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี โดยปัจจุบันเชื่อมต่อระบบโครงข่ายเคเบิ้ลใต้ดินแล้วประมาณ 810 Core และมีการรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/63 ไปแล้วประมาณ 200 Core, ไตรมาส 2/63 อีก 216 Core และในไตรมาส 3/63 เพิ่มอีก 240 Core รวมเป็น 656 Core
อีกทั้งยังมีโครงการจัดระเบียบเสาส่งสัญญาณสื่อสาร (Cellular Co-Tower) เพื่อจัดระเบียบเสาส่งสัญญาณสื่อสารภายในพื้นที่เขตส่งเสริมฯ ภายใต้ บริษัท ไทรนันต์ จำกัด กิจการร่วมค้า ซึ่ง NNCL ถือหุ้น 51% และบมจ.เอแอลที เทเลคอม ถือหุ้น 49% โดยได้ดำเนินการก่อสร้างเสาส่งสัญญาณในเขตอุตสาหกรรมแล้วจำนวน 8 ต้น และได้ประสานไปยังผู้ให้บริการเพื่อเสนอการเช่าบริการเสาส่งสัญญาณ ได้แก่ TRUE, AIS, DTAC โดย TRUE ได้จัดทำสัญญาเช่าเสร็จแล้ว ขณะที่ DTAC อยู่ระหว่างกระบวนการจัดทำสัญญาเช่าฯ
ขณะที่โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง บมจ.ราช กรุ๊ป ถือหุ้น 40%, NNCL ถือหุ้น 35% และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือหุ้น 25% ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม เทคนิค และด้านการเงิน คาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ประมาณปี 66
นายสุทธิพร กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ก็มั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อน ที่มีรายได้ 816 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 255.60 ล้านบาท เนื่องจาก 9 เดือนที่ผ่านมา เติบโตมากกว่าปีก่อนทั้งปีไปแล้ว หรือมีรายได้ที่ 918.94 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 274.88 ล้านบาท