(เพิ่มเติม1) BANPU คาดปี 51 รายได้โต 10% จาก 3.3 หมื่นลบ.ในปีนี้ แม้ปริมาณขายทรงตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 17, 2007 17:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.บ้านปู(BANPU)คาดว่ารายได้ในปี 51 จะเติบโต 10% จากปีนี้ที่น่าจะมีรายได้ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท แม้ว่าปริมาณการผลิตและขายถ่านหินจะเท่ากับปีนี้ที่ 20 ล้านตัน แต่ราคาขายในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ที่อยู่ในระดับ 39 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยคาดว่าจะขายล่วงหน้าถ่านหินในสัดส่วน 60% และกำไรจากธุรกิจถ่านหินจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นมาใกล้เคียงกับธุรกิจไฟฟ้าเป็น 50:50 จากปีนี้ที่ธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วนเกินกว่า 50% 
นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวว่า บริษัทได้ทำสัญญาล่วงหน้าถ่านหินในปีหน้าไปแล้ว 47% ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ แต่ขายได้สูงกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนที่เหลือ 53% เป็นถ่านเหินคุณภาพสูงที่คาดว่าจะขายได้ราคามากกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามราคาตลาดโลก
สิ้นมิ.ย.50 บริษัทมีสำรองถ่านหินอยู่ 304 ล้านตัน ส่วนใหญ่อยู่ที่เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย และบริษัทจะทบทวนปริมาณสำรองถ่านหินใน 1-2 เดือนนี้
ส่วนในปีนี้คาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยสูงขึ้นจากที่เคยประมาณการที่ 38 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากครึ่งปีแรกราคาตลาดทรงตัวในระดับดี ประกอบกับปริมาณการขายถ่านหินคุณภาพดีจากเหมืองในอินโดนีเซียสูงขึ้น โดยในไตรมาสที่ 2/50 ราคาขายปรับขึ้นมาเป็น 39.97 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ปริมาณถ่านหินปรับลดเป้าหมายปีนี้จาก 21 ล้านตัน เหลือ 20 ล้านตัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขายรวมของบริษัทบ้างเล็กน้อย จากที่เคยคาดว่าจะสูงกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท ราว 10% แต่ถ่านหินที่ผลิตลดลงส่วนใหญ่เป็นถ่านหินในประเทศที่มีคุณภาพต่ำ ขณะที่ปริมาณการผลิตถ่านหินคุณภาพดีจากเหมืองในอินโดนีเซียไม่เปลี่ยนแปลงจากเป้าหมายเดิมที่ 19 ล้านตัน
ทั้งนี้ ปริมาณการขายถ่านหินในครึ่งปีแรก 50 มีจำนวน 9.20 ล้านตัน ปรับตัวลดลง 7% จากจากครึ่งปีแรก 2549 ที่มีจำนวน 9.84 ล้านตัน โดยมาจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย 8.3 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็น 90% ของปริมาณถ่านหินที่ผลิตได้ทั้งหมด
“แม้ว่าปริมาณการขายถ่านหินโดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยรวมมากนัก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาปริมาณการขายถ่านหินคุณภาพดีจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาตลาดที่ทรงตัวในระดับดี ส่งผลให้ราคาถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 39.97 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับราคาถ่านหินเฉลี่ยในปี 2550 จาก 38 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 39 เหรียญสหรัฐต่อตัน" นายชนินท์
BANPU แจ้งผลประกอบการครึ่งแรกงวดปี 2550 มีกำไรสุทธิ 2,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2549 เป็นผลจากการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี หลังจากสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้เต็มกำลังในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำไรจากธุรกิจถ่านหินซึ่งมีราคาที่ดีขึ
นายชนินท์ กล่าวว่า ในครึ่งหลังปีนี้ แนวโน้มรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีจะปรับลดลงจากครึ่งปีแรก เนื่องจากในเดือนพ.ย.จะปิดซ่อมบำรุงประมาณ 3 สัปดาห์ ขณะที่กำไรจากธุรกิจถ่านหินจะมากขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยคาดว่าจะขายถ่านหินได้ประมาณ 10.8 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าจะขายได้ในราคาเฉลี่ย 39 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 9.2 ล้านตันในครึ่งปีแรก ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการปิดเหมืองที่ลำปางในปีนี้ลดลง โดยครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่าย 200 ล้านบาท จากทั้งปีจำนวน 360 ล้านบาท และในปีหน้าจะปิดเหมืองเชียงม่วนที่จ.พะเยา
ในช่วงปี 50-51 บริษัทยังคงแผนใช้เงินลงทุน 469 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ การขยายท่าเรือบอนตังรับขนถ่ายถ่านหินได้เป็น 18.5 ล้านตันเพิ่มจาก 12.5 ล้านตัน ใช้เงิน 66 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดจะแล้วเสร็จในปี 51 และพัฒนาแหมืองบาริงโต ในอินโดนีเซีย ใช้เงิน 45 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดผลิตได้ 2 ล้านตันต่อปี ในปี 52
"คิดว่ารายได้ปีหน้าจะเพิ่มสูงกว่าการเพิ่มของค่าเงินบาท คือาคาถ่านหินปีหน้ายังมีแนวโน้มสูงตามดีมานด์ โดยเฉพาะในจีน" นายชนินท์กล่าว
นอกจากนี้บริษัทเตรียมเข้าลงทุนเหมืองในอินเดียโดยจะเข้าไปในลักษณะร่วมทุนกับผู้ผลิตท้องถิ่น คาดภายใน 1-2 ปีน่าจะเริ่มโครงการได้ ซึ่งจะเข้ไปรับจ้างทำเหมือง เบื้องต้นคาดจะทำโครงการไม่ใหญ่ แต่เห็นว่านจะเป็นโอกาสต่อไป
ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนจะลงทุนโครงการพลังงานทดแทน ทั้งในรูปไบโอดีเซล และ โซลาร์เซลล์ โดยตั้งเป้าจะใช้เงินลงทุนสัดส่วน 2% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนศึกษาโครงการ
*โครงการหงสาคาดสรุปผู้ร่วมทุนภายในปีนี้
นายชนินท์ คาดว่าภายในปีนี้หรือในช่วง 3 เดือน จะได้ข้อสรุปการร่วมทุนของพันธมิตรในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ โดยเบื้องต้นคาดจะมีผู้รวมทุน 3-4 ราย ได้แก่ BANPU คาดจะถือไม่ต่ำกว่า 30% สปป.ลาว , บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ที่ยังอยู่ระหว่างเจรจา และพันธมิตรจากจีน 2-3 รายที่ยังเจรจากันอยู่ ขณะที่การเจรจาค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือนนี้
โครงการหงสาลิกไนต์ เป็นโครงการผลิตถ่านหินลิกไนต์ได้ราว 13 ล้านตันต่อปี และ โรงไฟฟ้า ขนาด 1800 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 2 พันล้านบาท โดย แหล่งเงินจะมาจากส่วนทุน 1ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ที่เหลือมาจากเงินกู้ ทั้งนี้บริษัทมี NET DEBT 0.68 เท่า
*ยังคงแผนนำบ.ลูกที่อินโดฯเข้าตลาดในไตรมาส 4 นี้
นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนนำบริษัท PT Indo Tambangraya Megah(ITM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ลงทุนเหมืองทุกแห่งในอินโดนีเซียของ BANPU เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จาการ์ต้าในไตรมาส 4 นี้ อย่างไรก็ดี จะรอดูสถานการณ์ว่าปัญหาซับไพร์มในสหรัฐจะลุกลามไปมากกว่านี้หรือไม่ ถ้าภาวะยังไม่ดีก็อาจจะเลื่อนการขายออกไป และจะไม่กระทบกับแผนการลงทุน เพราะเงินที่ระดมทุนได้ก็ไม่มาก อาจจะหาแหล่งเงินอื่นแทน
"ตอนที่ทำแผนเราไม่มีแผน listing แต่เราเสริมเข้ามาเพื่อเป็น option แต่ถ้าไม่ทันก็ไม่กระทบกับแผน เพราะเงินทีได้ไม่มากเท่าไร"
ITM มีแผนจะกระจายหุ้น 15% ของทุน หรือประมาณกว่า 150 ล้านหุ้น โดย BANPU จะลดสัดส่วนการถือเหลือ 80% จาก 95% ในปัจจุบัน โดย UBS เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ