นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์(TRU)คาดว่า ในไตรมาส 3 ของปีนี้ บริษัทจะสามารถพลิกทำกำไรเป็นครั้งแรกหลังขาดทุนต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่ยอดขายปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2.4 พันล้านบาท และภาพรวมทั้งปีก็น่าจะมีกำไรได้
สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีกำไร เนื่องจากมีโมเดลรถเอนกประสงค์รุ่นใหม่ " Allroader" ที่คาดว่าจะขายได้ 120-150 คันต่อเดือน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 10% ของรถค่ายอื่นที่มีอัตรากำไรขั้นต่ำเพียง 3-5%
"เดิมสัดส่วนรายได้ของไทยรุ่งจะมาจากรถเอนกประสงค์ 40% แต่นับจากที่บริษัทประสบปัญหายอดขายตกต่ำทำให้สัดส่วนรายได้จากรถอเนกประสงค์เหลือ 6-7% แต่ปีนี้ น่าจะกลับมายืนที่ 10% และปีหน้าจะเห็นที่ 25%"นายสมพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนบริษัทขาดทุน 56.07 ล้านบาท และปีก่อนขาดทุน 26.16 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานผลิต Dies กับ Gigs มูลค่า 200 กว่าล้านบาทให้กับค่ายรถยนต์อีซูซุและเชฟโรเลต โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มบริษัทจะได้รับการคัดเลือก ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า งบลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเครื่องจักรเพื่อผลิตแม่พิมพ์ ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนโรงงานที่จะผลิตรถบัสโดยสารที่ใช้เงินลงทุน 600-700 ล้านบาท ขณะนี้ต้องรอยอดขายเบื้องต้นที่บริษัทจะนำเข้ารถบัสจากจีนเข้ามาทดลองทำการตลาดในไตรมาส 3/50 พิจารณาก่อนหากมียอดจองรถบัสถึง 100 คันในเบื้องต้นบริษัทจะตัดสินใจลงทุนต่อไป
จากการร่วมทำตลาดรถบัสกับ Yutong พบว่ารถบัสของ Yutong มีราคาถูกกว่ารายอื่น ประมาณ 15-20% โดยกลุ่มเป้าหมายหลักได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ รถประจำทางในโครงการ BRT ของกทม.
สำหรับรถแท็กซี่ ลีมูซีน ซึ่งบริษัทได้รุกตลาดมาก่อนหน้านี้ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดรถกลุ่มนี้ซบเซา ประกอบกับ ทางการได้การลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ทำให้บริษัทมีรถประเภทนี้ค้างสต็อกอยู่ 28 คัน บริษัทพยายามหาช่องทางขายออกไป ให้กับสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด แต่ก็ยอมรับเป็นเรื่องยากที่จะขายได้หมด จึงทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระสต็อกคงค้างเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปบริษัทพยายามควบคมุด้านการตลาดเพื่อจะทำให้บริษัทมีกำไรให้ได้
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--