งานสัมมนา "ส่องหุ้นไทยรับปี 2021" ในหัวข้อ "เบญจภาคี 5 หุ้นเด็ด" โบรกเกอร์ประเมิน ดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นในปี 64 จากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่กลับมาเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยมองดัชนีจะอยู่ในช่วง 1,540-1,600 จุด พร้อมแนะธีมลงทุนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ประเมิน SET INDEX สิ้นปี 64 ที่ระดับ 1,550 จุด บนคาดการณ์ Earning Yield Gap ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้วัดความน่าสนใจของตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร พบว่าอยู่ในระดับ 3.7% และกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตเป็นกว่า 7 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดอยู่ที่กว่า 5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ แนะนำธีมการลงทุนในหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ให้ราคาเป้าหมายที่ 126 บาท จากความเสี่ยงลูกค้า SME มีน้อยลง หลังมาตรการภาครัฐหนุน, บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ราคาเป้าหมายที่ 58 บาท จากทิศทางกำไรในปี 64 โตก้าวกระโดด 82% เมื่อเทียบกับปี 63 จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลง และโครงการใหม่ ๆ ที่ทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ,บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ราคาเป้าหมายที่ 26 บาท จากธุรกิจหลักฟื้นตัวชันเจนในปีหน้า
บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ราคาเป้าหมายที่ 38 บาท จากโอกาสเติบโตในระยะกลาง-ยาวที่ยังมีทั้ง Organic และ Inorganic, บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) ราคาเป้าหมายที่ 11 บาท จากศักยภาพการเติบโตที่ยังคาดหวังได้ต่อเนื่อง
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ประเมิน SET INDEX ช่วงต้นปี 64 หรือก่อนที่นายโจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.64 มีโอกาสแตะ 1,540-1,600 จุด เพราะในวันดังกล่าวอาจมีแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐออกมา และอาจส่งผลกระทบกับหุ้นบิ๊กแคปในตลาดหุ้นไทย จึงแนะนักลงทุนให้ระมัดระวังการเข้าลงทุนในช่วงนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ้นปี 64 คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,562 จุด และจะปรับตัวขึ้นแตะ 1,670 จุดในปี 65 โดยเกณฑ์การลงทุนในปีหน้าให้ดูที่กำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะฟื้นกลับมาเติบโตได้ภายในปี 65, อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ในระดับสูง, เงินปันผลสูง, PER น้อยกว่า 20 เท่า และ ราคามี Upside
แนะนำหุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANCE) ,บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH), บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) , บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ,บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA)
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเมิน SET Index ปี 64 อยู่ที่ระดับ 1,540 จุด ธีมการลงทุนให้มองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งใน 6 เดือนข้างหน้าหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ บมจ.ไทยคม (THCOM), บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ราคาเป้าหมายที่ 3.08 บาท จากได้รับประโยชน์ในเรื่องของวัคซีนโควิด-19, บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท มีโอกาสขนส่งวัคซีน, กลุ่มค้าปลีก เช่น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ราคาเป้าหมาย 80 บาท และบมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ราคาเป้าหมาย 47 บาท รับท่องเที่ยวฟื้นดีขึ้น
ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ไม่แนะนำให้ลงทุนช่วงนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน, ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคายังมีโอกาสปรับลงต่อ แต่หากราคาปรับตัวลงมา มองเป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสม ส่วนคนที่มีหุ้นอยู่แล้วแนะนำให้ ถือ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเมิน SET Index สิ้นปี 64 ที่ระดับ 1,600 จุด บนคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ 84 บาท เติบโตจากปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 55.2 บาท ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ที่คาดจะเติบโต 5% จากปีนี้ ซึ่งถือเป็นฐานที่ต่ำ และกระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้า โดยคาดว่าในระยะสั้นหรือราวไตรมาส 1/64 น่าจะมีโอกาสเห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไประดับดังกล่าวที่ 1,600 จุดได้ และปรับตัวลงมาจากยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของสงครามการค้าที่อาจจะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ธีมการลงทุนในระยะสั้น มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีความน่าสนใจอยู่ แนะหุ้นบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ราคาเป้าหมาย 430 บาท, LH ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท, ธนาคารทหารไทย (TMB) ราคาเป้าหมาย 1.40 บาท, บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ราคาเป้าหมาย 21 บาท และ ADVANC ราคาเป้าหมาย 229 บาท
อนึ่ง ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 1,476.13 จุด ลดลง 6.54 จุด หรือ 0.44%