นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3 งวดปี 63/64 (ต.ค.63 -ธ.ค.63) จะดีกว่าช่วงไตรมาส 2 งวดปี 63/64 (ก.ค.63 -ก.ย.63) โดยเป็นผลมาจากการที่ผลประกอบการของทุกธุรกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะธุรกิจระบบขนส่งมวลชนคาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น หลังจากจำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.63 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจรับจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (ทิศเหนือและใต้) วันที่ 16 ธ.ค.นี้จะเปิดเดินรถเต็มสายถึงสถานีคูคต ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากงาน O&M เติบโตขึ้นตามไปด้วย ส่วนธุรกิจสื่อโฆษณาคาดว่าจะดีขึ้นเช่นกัน
ขณะที่รายได้ทั้งงวดปี 63/64 (1 เม.ย.63-31 มี.ค.64) บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งในส่วนของภาพรวมแต่ละธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็คืบหน้าได้ตามแผน แต่ในส่วนของรายได้จากค่าโดยสารยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะมีระลอกที่สองหรือไม่ หากเกิดขึ้นอาจจะเข้ามากระทบได้
สำหรับความคืนหน้าการขยายเวลาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำความเห็นตอบกลับไปยังกระทรวงคมนาคม จากก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่กระทรวงคมนาคมมีความเห็นมา 3-4 ข้อ และขั้นตอนถัดไปคือการรอนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป ในส่วนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) จะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 3,800 ล้านบาทได้หมดภายในปี 64 หลังจากปีนี้ยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เพราะยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ แต่มีการจ่ายเฉพาะในรูปของการคืนทุนในสัดส่วน 100% ของรายได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าหาก BTSGIF ล้างขาดทุนสะสมหมดก็มีโอกาสที่จะกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ทันที