นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) คาดว่าผลประกอบการในปี 64 จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับปี 62 ที่เป็นช่วงปกติก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่มีรายได้ 2,889.71 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 284.46 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่โรงพยาบาลมีอาคารแห่งใหม่ PRARAM 9 Medical Center (Building B) เข้ามา
สำหรับอาคาร Building B ดังกล่าวเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ต.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเน้นคนไข้ประเภทผู้ป่วยนอก (OPD) โดยภาพรวมของอาคารมีอัตราการเข้าใช้บริการแล้วประมาณ 50-60% จากปัจจุบันเปิดให้บริการครบทุกแผนก ยกเว้นในส่วนของผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากปัจจุบันความต้องการใช้งานในอาคาร Building A ยังรองรับได้เพียงพอ เพราะการเข้านอนพักรักษาตัวชะลอตัวลงรับผลกระทบโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามในปี 64 คาดว่าจะเปิดให้บริการในส่วนนี้ได้ ซึ่งคาดว่าจะเข้าจุดคุ้มทุนได้ใน 4-5 ปี และมีค่าเสื่อมราว 100 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้มองว่าหากในปี 64 ต่างชาติสามารถกลับเข้ามารักษาได้ตามปกติ จะเป็นสิ่งสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้มากกว่าแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทวางแผนชดเชยรายได้ในส่วนนักลงทุนต่างชาติที่หายไปประมาณ 8% ไปแล้ว โดยเน้นรุกตลาดผู้ป่วยไทยขึ้น ส่วนสถานการณ์เลวร้ายสุดหากมีการระบาดระลอกสอง บริษัทประเมินว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถกู้วิฤติได้เร็ว และมีจุดเด่นด้านการรักษาโรคซับซ้อนช่วยหนุน
ในส่วนของกรณีการเข้าร่วมโครงการพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐทางเลือก 14 วัน (ASQ) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าจากโรงแรม และลูกค้าที่เข้ามาที่โรงพยาบาลโดยตรง ส่งผลให้ PR9 วางแผนจะเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในอนาคตเพิ่ม โดยเสนอการให้บริการที่โรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญ ให้กลุ่มต่างชาติดังกล่าวเข้ารับการรักษา เช่น การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก เป็นต้น