นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 ที่ราว 3,500 - 3,600 ล้านบาท เติบโตดีต่อเนื่องจากปีนี้ โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และน่าจะได้รับผลดีจากความต้องการขนส่งสินค้าข้ามประเทศที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border Service) ที่ได้รับอานิสงส์จากภาวะตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนส่งทางเรือขาดตลาด ทำให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศหันมาใช้บริการ Cross border เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์เชิงรุกใหม่โดยจะเร่งพัฒนาธุรกิจ 5 ด้าน ได้แก่ 1. การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการรองรับลูกค้าในธุรกิจ Cross border Service เพิ่มมากขึ้น 2. การขยายฐานลูกค้าเกี่ยวเนื่องอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลและการเข้ามาของเทคโนโลยี 5G ส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ต้องถูกปรับเปลี่ยนการใช้งานใหม่ 3. เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ Supply Chain Solution 4. การขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนอย่างต่อเนื่องผ่านการร่วมมือกับบริษัทย่อย และ5. การผนึกกำลังร่วมกับบริษัทย่อยในเครือเสริมความแข็งแกร่ง
พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนราว 200 ล้านบาทรองรับการขยายธุรกิจต่อเนื่อง และยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) ในปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพประมาณ 2-3 ราย แต่อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะได้ข้อสรุปของการลงทุนว่าจะเป็นรูปแบบใดและใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/63 มองว่าลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังมีการส่งออกสินค้าต่อเนื่อง ทำให้บริษัทคาดว่าการขนส่งสินค้าทางอากาศน่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อไป และกลุ่มลูกค้าชิ้นส่วนยานยนต์ เริ่มกลับเข้ามาใช้บริการมาขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/63 ทำให้รายได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลจะเริ่มกลับเข้ามา ส่วนการขนส่งสินค้าทางบกข้ามพรมแดนเป็นงานบริการทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้าในตอนนี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 63 เป็นงบปีไม่ปกติ ด้วยปัจจัยสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การขนส่งสินค้ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด บริษัทจึงคาดว่ารายได้รวมทั้งปี 63 จะมีโอกาสทำสถิติใหม่แตะ 3,200 ล้านบาทได้ สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ราว 2,700-3,000 ล้านบาท
นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทย่อย คือ บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทำให้ในปัจจุบันบริษัทได้มีการขยายการรับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยศักยภาพและอนาคตที่มีการเติบโตที่ดี ส่งผลให้บิษัทวางเป้าหมายจะนำ ETL เข้าจดทะเบียนยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอีก 2 ปี (64-65)