ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากมีข่าวว่าบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บรรลุข้อตกลงด้านแรงงานกับสมาชิกสหภาพแรงงานยานยนต์สหรัฐ (ยูเอดับเบิ้ลยู) ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้จีเอ็มสามารถลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาลของพนักงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าบริษัทแบร์ สเติร์นส อาจขายหุ้นให้กับวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 99.50 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 13,878.15 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 8.21 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 1,525.42 จุด และ ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 15.58 จุดหรือ 0.58% ปิดที่ 2,699.03 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.04 พันล้านหุ้น
วิลเลียม รัทเธอร์ฟอร์ด ประธานบริษัทรัทเธอร์ฟอร์ด อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ ในรัฐโอเรกอน กล่าวว่า "ข่าวด้านบวกจากจีเอ็มและแบร์ สเติร์นส์ ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้นทันที หากมหาเศรษฐีบัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้นในแบร์ สเติร์นส์จริงตามที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงาน ก็เท่ากับว่าบัฟเฟตต์เข้ามาช่วยผ่าทางตันในบริษัทแห่งนี้ หลังจากที่บริษัทประสบภาวะวิกฤติอย่างหนักอันเนื่องมาจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม)"
เมื่อเดือนที่แล้ว แบร์ สเติร์นส์ ถูกนักลงทุนยื่นเรื่องฟ้องกรณีการล้มละลายของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 2 แห่งของแบร์ สเติร์นส์ และส่งผลให้ราคาหุ้นของทางบริษัทดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดรอบ 19 เดือน โดยนักลงทุนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะอนุญาโตตุลาการโดยกล่าวหาแบร์ สเติร์นส์ว่าสร้างความเข้าใจผิดต่อนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ได้รับจากธุรกิจการซับไพร์ม
วิกฤตการณ์ของแบร์ สเติร์นส บีบให้นายวอร์เรน สเปคเตอร์ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการร่วม
ของบริษัทประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยนายสเปคเตอร์กล่าวว่าบริษัทกำลังเผชิญกับอุปสรรคครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศเตือนว่า ปัญหาสินเชื่อจำนองอาจสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของแบร์ สเติร์นส์
ทั้งนี้ นายรัทเธอร์ฟอร์ดกล่าวว่า "ข่าวที่ว่ามหาเศรษฐีบัฟเฟตต์อาจจะเข้าซื้อหุ้นในแบร์สเติร์นส ทำให้นักลงทุนขานรับทันที นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อไม่นานมานี้"
หุ้นจีเอ็มพุ่งขึ้น 9.4% หลังจากจีเอ็มสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยูเอดับเบิ้ลยู ขณะที่ข่าวการขายหุ้นในแบร์ สเติร์นส ช่วยหนุนราคาหุ้นแบร์ สเติร์นสพุ่งขึ้น 7.7% แต่หุ้นเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค. อิงค์.ร่วงลง 0.5% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 3 ของเมอร์ริล ลินช์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--