(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 335.97 จุด ขานรับ FED ลดดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 19, 2007 06:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น 0.50% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 335.97 จุด หรือ 2.51% ปิดที่ 13,739.39 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 43.13 จุด หรือ 2.92% ปิดที่ 1,519.78 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 70.00 จุด หรือ 2.71% ปิดที่ 2,651.66 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 10 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.16 พันล้านหุ้น
นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งคำสั่งซื้อเข้าตลาดอย่างหนาแน่น ขานรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดที่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75% โดยเฟดให้เหตุผลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะคลี่คลายความผันผวนในตลาดสินเชื่อและยับยั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
การที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะปรับลดลงเพียง 0.25% นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงอีก 0.50% ด้วย
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้นในระดับปานกลาง แต่ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อได้ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงและสกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยทั่วไป อีกทั้งยังส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอนด้วยเช่นกัน
"เฟดจะยังคงประเมินผลกระทบเหล่านี้ และจะ''ใช้มาตรการที่จำเป็น' เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม เฟดเล็งเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานได้ปรับตัวขึ้นในระดับปานกลางในปีนี้ และเฟดเห็นว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ ซึ่งเฟดจะติดตามเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง" แถลงการณ์ระบุ
นายเจอร์รี่ เว็บแมน นักวิเคราะห์จากอ็อพเพนเฮเมียร์ ฟันด์ กล่าวว่า "นักลงทุนมีปฏิกริยาในด้านบวกต่อการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 81.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจทำให้เฟดยังคงจับตาเรื่องเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง"
ทั้งนี้ หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ดันดับ 4 ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.7% หลังจากเลห์แมน บราเธอร์สเปิดเผยตัวเลขกำไรไตรมาส 3 ลดลง 3% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่วาณิชธนกิจและบริษัทปล่อยกู้จำนองรายอื่นๆมีตัวเลขกำไรลดลงเช่นกัน เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ
ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทเบสท์บายซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่สุดของสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขกำไรไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 8.7% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ หุ้นเบสท์บาย ดีดขึ้น 5.8%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ