นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) ผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล (Data organization & management) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมระดมทุนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินรองรับแผนงานขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต โดยได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ระดมทุนรองรับการขยายงาน
ทั้งนี้ บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลต่างๆ เป็นรูปแบบดิจิทัล ทดแทนการจัดเก็บด้วยเอกสาร เพื่อรองรับการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพแก่องค์กร จากความสะดวกรวดเร็วด้านการจัดระบบเอกสาร การค้นหาข้อมูลและลดต้นทุนในการจัดเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นบริหารจัดการเอกสารอย่างครบวงจรแก่ลูกค้า โดยแบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก ประกอบด้วย การให้บริการบริหารจัดการระบบงาน (Business Process Outsourcing หรือ BPO) โดยเน้นการรับบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบดิจิทัล เช่น การแปลงข้อมูลเอกสารกระดาษเป็นรูปแบบดิจิทัล (Document Digitization)
การจัดทำสารบัญข้อมูล (Document Indexing) และจัดเก็บไว้ในระบบบริหารจัดการเอกสาร (Document Management Systems) หรือในระบบจัดการข้อมูลองค์กร (Enterprise Content Management หรือ ECM) เป็นต้น การจำหน่ายระบบบริหารจัดการเอกสาร อาทิ ซอฟท์แวร์ระบบจัดเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัล ฯลฯ และงานโครงการระบบบริหารจัดการเอกสาร โดยบริษัทเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาโปรแกรมระบบบริหารจัดการเอกสารตามความต้องการของลูกค้า
2.ธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ ประกอบด้วย บริการให้เช่าและบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสารแก่หน่วยงานราชการและเอกชน จำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพิมพ์ หมึกพิมพ์ กระดาษและอะไหล่ ให้บริการบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์และบริการอื่นๆ รวมถึงจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ จอ LED, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย ฯลฯ นอกจากนี้ในปี 2561 ได้ขยายธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์และระบบไดร์ฟทรูแบรนด์ HME ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลก และขยายธุรกิจด้านระบบจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน (Point of Sales หรือ POS) เน้นให้บริการบำรุงรักษา ซ่อมแซ่ม ติดตั้งและขนย้าย
3. ธุรกิจรับเหมาโครงการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ ได้แก่ งานระบบท้องฟ้าจำลองและพิพิธภัณฑ์ ระบบโทรมาตรหรือ SCADA เช่น ระบบตรวจวัดสภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติ เป็นต้น งานระบบเทคโนโลยีภายในอาคาร และงานรับเหมาโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีต่างๆ เช่น โครงการก่อสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel) และปุ๋ยอินทรีย์ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2562 มีรายได้รวม 776.16 ล้านบาท เติบโต 82.6% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 425.13 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 56.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 320.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.37 ล้านบาท เนื่องจากมีลูกค้าใหม่ที่ใช้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารเพิ่มขึ้น การเติบโตของรายได้จากการขายและให้บริการระบบไดร์ฟทรูและระบบ POS ส่วนในงวด 9 เดือนแรกปี 2563 มีรายได้รวม 756.12 ล้านบาท เติบโต 32.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 570.68 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 95.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 39.22 ล้านบาท เนื่องจากได้รับงานบริการระบบบริหารจัดการเอกสารแก่ลูกค้าหน่วยงานราชการเพิ่มเติม และมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น
นายศิต ตันศิริ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.18% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ขณะที่จุดเด่นของ บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) อยู่ในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างรายได้ที่ดีเนื่องจากมีรายได้กระจายตัวจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ