นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงแรงจากความวิตกสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ทำให้ช่วงเช้าเปิดมาติดลบทันที 3.6% และร่วงลงอย่างหนักอีกรอบในช่วงหลังจาก 15.00 น.มาเป็น 5.44% หรือราว 81 จุด เมื่อตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการมาดิ่งลงเกือบ 2%
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดที่ 1,401.78 จุด ลดลง -80.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.3 แสนล้านบาท จากระดับปิดเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ 1,482.38 จุด
นายภากร กล่าวว่า ข้อมูลที่ปรากฎวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจคือ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,780 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 7,769.07 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 7,352.90 จุด และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 4,196.93 จุด ขณะที่ธุรกรรมชอร์ตเซลอยู่ที่ 4% และโปรแกรมเทรดดิ้งอยู่ที่ 22% ไม่ได้พบความผิดปกติ
"Net Flow ยังมาก นักลงทุนต่างขาติเข้าใจสถานการณ์ดี เมื่อเปรียบเทียบไทยกับประเทศอื่น ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ไม่ได้รุนแรงกว่าประเทศอื่น ทำให้ยังต้องการเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลออกมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา...เขาเข้าใจเรื่องโควิด เข้าใจสถานะเศรษฐกิจไทย การทำธุรกิจบริษัทจดทะเบียน ไม่เหมือนในเดือน มี.ค."นายภากร กล่าว
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท.กล่าวว่า ข่าวสำคัญที่มีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้คือการรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 500 รายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นปรับลงไปมาก ในทุกกลุ่ม แต่ไม่ใช่ประเด็นที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเพียงแห่งเดียว แต่เกิดกับทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปที่มีการระบาดหลายระลอก
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นความเสี่ยงที่จะต้องจับตาต่อไป เพราะในประเทศไทยเพิ่งเกิดการระบาดรอบใหม่ แต่ไม่อยากให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะหากดูตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทย เมื่อเทียบประเทศอื่น อย่างเกาหลี หรือญี่ปุ่นที่มีการระบาดมาหลายระลอก การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันที่ 18 ธ.ค.ยังมากกว่าไทยเป็นเท่าตัว ขณะที่ในยุโรปอย่างเยอรมนีพบอีกเป็นหลักหมื่นราย
นายภากร กล่าวอีกว่า ตลท.ติดตามดูแลภาวะตลาดหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าหากดูข้อมูลให้ชัดเจนจะสามารถใช้กฎระเบียบที่เหมาะสม ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ และคาดว่าจะเป็นสถานการณ์ที่มีผลกระทบในระยะสั้น เมื่อนักลงทุนย่อยข้อมูลได้ครบก็คาดว่าตลาดหุ้นจะกลับมาอย่างรวดเร็ว และยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษใด ๆ หรือมาตรการชั่วคราวที่เคยใช้เมื่อมีความผันผวนจากการระบาดของเชื้อโควิดในครั้งแรก โดยเฉพาะการปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์ หรือชอร์ตเซล
"ไม่มี transaction อะไรทำให้ตลาดผิดปกติ...เราดูข้อมูลและวิเคราะห์อย่างเรียลไทม์ วันนี้ดูข้อมูลทั้งวันที่ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ"นายภากร กล่าว
ประเด็นที่ ตลท.ให้ความสำคัญในขณะนี้คือการกำกับดูแลให้การซื้อขายเป็นอย่างราบรื่นที่สุด โดยเฉพาะบริการซื้อขาย ชำระเงิน และส่งมอบหลักทรัพย์ เพราะปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นค่อนข้างมาก โดยบุคลากรของตลท.จะทำงานแยกชัดเจนเป็นทีมเอ และทีมบี เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
"ระบบซื้อขาย การชำระเงิน การส่งมอบหลักทรัพย์ เราค่อนข้างมั่นใจว่าให้บริการได้ แม้วอลุ่มจะขึ้นมา 2 แสนล้าน ซึ่งเราก็เคยเห็นมาแล้ว"นายภากร กล่าว
ส่วนปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นในระบบสตรีมมิ่งเช้านี้ นายภากร กล่าวว่า ระบบการซื้อขายออนไลน์ทั่วโลกไม่มีระบบอะไรที่ให้บริการได้ 100% โดยไม่มีข้อผิดพลาด เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามามากทำให้ระบบช้าลง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาการซื้อขายแต่ละวันปรับตัวสูงขึ้นมาก ระบบสตรีมมิ่งแยกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นระบบออนไลน์กลางเพื่อให้อุตสาหกรรมให้บริการด้วยราคาเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
นายภากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายบริหาร ตลท.มองว่าประสิทธิภาพการดูแลด้านสาธารณสุขของไทยเป็นประเทศที่สามารถทำได้ดีที่สุดของโลก อัตราส่วนคนติดเชื้อและคนหายป่วยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ไม่ได้มองว่าจะมีการปิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศอีก เพราะประสิทธิภาพดีมาตลอด ทั่วโลกพยายามบาลานซ์การเปิดประเทศและล็อกดาวน์ ส่วนของเราภาครัฐทำเรื่องการควบคุมต่าง ๆ อย่างมีขั้นตอนและมีประสิทธิภาพ
"ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าโควิดไม่มีระลอกเดียว แต่เราดูการติดเชื้อเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ดูแลได้ดีมาก รุนแรงน้อยกว่ามาก"นายภากร กล่าว