นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนสูง อิงในแดนลบ คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบกัน จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในตลาดต่างประเทศมีความกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่อังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มีการแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น ทำให้อังกฤษเข้มงวดการล็อกดาวน์ ประกอบกับหลายประเทศได้ระงับเที่ยวบินที่มาจากอังกฤษด้วย
นอกจากนี้ ยังกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูง อย่างไรก็ดี ดัชนีฯเมื่อปรับตัวลงไปมากอาจมีการรีบาวด์ทางเทคนิคได้ และยังมีลุ้น Fund Flow อาจเป็นบวกได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี วันนี้ใหัติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ของสหรัฐอเมริกา และรอดูการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ว่าจะมีมาตรการเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรบ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,390 ถัดไป 1,365-1,375 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420-1,440 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,216.45 จุด เพิ่มขึ้น 37.40 จุด (+0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,694.92 จุด ลดลง 14.49 จุด (-0.39%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,742.52 จุด ลดลง 13.12 จุด (-0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 155.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 36.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 45.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.07 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ธ.ค.63) 1,401.78 จุด ลดลง 80.60 จุด (-5.44%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,780.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ธ.ค.63) ปิดที่ 47.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ธ.ค.63) อยู่ที่ 1.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.08/12 แนวโน้มอ่อนค่าจากความกังวลสถานการณ์โควิดในปท.-ตปท.
- กบง.เคาะตรึงราคาแอลพีจี 318 บ./ถัง 15 กก. ต่อไปอีก 3 เดือน 1 ม.ค.-31 มี.ค.2564 นี้ กบน.เตรียมหารือ 14 ธ.ค. หากลไกกองทุนน้ำมันฯ ดูแลรับ อาจเกินเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เตรียมลุ้น กพช. 25ธ.ค.นี้ อาจมีเซอร์ไพรส์มอบ ของขวัญประชาชนปรับเกณฑ์ซื้อ ไฟโซลาร์ภาคประชาชนใหม่เอื้อให้คนไทยเข้าถึงมากขึ้น
- บอร์ดบีโอไอ เคาะแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจปี 64 ดันลงทุนโครงการขนาดใหญ่ 1,000 ล้าน ได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่ม 5 ปี พร้อมขยายมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัด รวมจังหวัดชายแดนใต้ออกอีก 2 ปี หนุนเขตส่งเสริมกิจการพิเศษใหม่ "การแพทย์จีโนมิกส์" มหาวิทยาลัยบูรพา และสนับสนุนผู้ประกอบการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
- ส.อ.ท.ประเมินล็อกดาวน์สมุทรสาคร เสียหายวันละ 1,000 ล้านบาท ไม่เห็นด้วยล็อกทั้งประเทศอีก เหตุจะเสียหายรุนแรง แต่ควรคุมเป็นพื้นที่ แนะจัดระบบแรงงานต่างด้าวใหม่ ทำ MOU กับเพื่อนบ้าน นำเข้าให้ตรงที่เอกชนต้องการ เชื่อลดจ่ายใต้โต๊ะ ตรวจสอบติดตามได้ พร้อมขอรัฐเข้าตรวจแรงงานในโรงงาน
- กทพ.เผยกรมป่าไม้ไฟเขียวให้ใช้พื้นที่ 3 ส่วนก่อสร้างทางด่วนกะทู้-ป่าตอง 1.4 หมื่นล้าน ปลื้มเดินหน้าเร็วกว่าแผน คาดชงบอร์ดพีพีพี ก.พ.นี้ ต่างชาติสนใจแล้วชี้ผลตอบแทนต่ำแต่จำเป็นต้องสร้างเพื่อช่วย ปชช.
- ทอท.คุยฟุ้ง ปีหน้าไม่ต้องกู้ เตรียมรับทรัพย์ดอกเบี้ย Q1/64 เผย พ.ย.63 สนามบิน 6 แห่ง มีผู้โดยสาร 1.27 แสนคน/วัน พร้อมเดินหน้าโปรเจ็กต์ปี 64 ต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- IND (บมจ. อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO 1.10 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 1.55 บาท โดยคาดกำไรปี 2563 สะดุดชั่วคราว ก่อนจะเติบโดก้าวกระโดด 178% ในปี 2564 และ 27% ในปี 2565 ทั้งนี้ บริษัทฯให้บริการวิศวกรรมที่ปรึกษาหลากหลายสาขาและครบวงจร ตั้งแต่เริ่มวางแนวคิดพัฒนาโครงการ ออกแบบ บริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้าง ตรวจสอบ จนโครงการสำเร็จลุล่วง ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัว (บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)
- INTUCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 74 บาท หุ้น Defensive จ่ายปันผลสม่ำเสมอเหมาะสำหรับพักเงินในยามที่ตลาดผันผวน โดยปีนี้คาด INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 2.48 บาทให้ Dividend yield ประมาณ 4.3%
- DOHOME (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เพิ่มเป้าเป็น 17 บาท คาดผลกระทบจากการปิด 2 สาขาชั่วคราวในสมุทรสาครจำกัด ขณะที่แนวโน้มกำไร Q4/63 คาดยังแข็งแกร่ง -6% Q-Q, +16% Y-Y และดีต่อเนื่องใน Q1/64 จากแนวโน้มราคาเหล็กที่ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมปรับกำไรปี 2564-2565 ขึ้น 7-8% เป็นเติบโต +40% Y-Y และ +15% Y-Y ตามลำดับ จากทั้งการปรับรายได้และ Margin ขึ้นสะท้อนแนวโน้มที่ดูดีกว่าที่เคยประเมิน