นางสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บล. ธนชาต เปิดเผยว่า มาตรการสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์และการออกกองทุนใหม่ โดยขณะนี้มีผู้ที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์กว่า 10 กองทุน มูลค่าตั้งแต่กองละ 500-1,000 ล้านบาท ชะลอแผนเปิดขายหน่วยลงทุนออกไป
ทั้งนี้ หากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ดังกล่าวสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มสินค้าและทางเลือกให้กับนักลงทุนสามารถหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
และในส่วนของบล.ธนชาติเอง ก็มีแผนจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุนในปีหน้า โดยมีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
นางสุวภา กล่าวว่า นอกจากนั้นยังพบว่าการซื้อขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยยังต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) เนื่องจากนักลงทุนยังไม่เข้าใจการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์และบางกองทุนไม่ได้สนองความต้องการของนักลงทุน
ขณะนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกมีมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในไทยมีจำนวน 15 กองทุน คิดเป็นมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทั้งที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นช่องทางการใช้ประโยชน์ทางภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ทั้งบริษัทประกันชีวิต กองทุนประกันสังคม หรือกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ
นายวิเชฐ ตันติวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในอีกไม่กีปีข้างหน้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดหุ้น เนื่องจากการรับประกันเงินฝากของรัฐที่จะลดลง ซึ่งจะผลักให้ผู้ฝากเงินแสวงหาแหล่งลงทุนที่ไม่เสี่ยงมากเหมือนการลงทุนในหุ้น แต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และตราบใดที่ยังมีการพัฒนาประเทศ อสังหาริมทรัพย์ยังเป็นธุรกิจภาคหนึ่งที่มีความสำคัญ
ในวันนี้ บล.ธนชาตร่วมกับ Asian Public Real Estate Association (APREA) จัดสัมมนา “APREA THAI REIT FORUM: THAI REITs - A NEW PARADIGM?"
--อินโฟเควสท์ โดย ตลฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--