นายกิตติพัฒน์ อินทรเกษตร กรรมการ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ พาราเทค (SINGHA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาหุ้น SINGHA ปรับขึ้นแรงวันนี้น่าจะมาจากการเดินเครื่องขยายกำลังผลิตเป็น 2.2 ล้านตารางเมตร/ปีหลังจากติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้ว จากกำลังผลิตเดิม 1.4 ล้านตารางเมตร/ปี
"เครื่องจักรตัวใหม่พร้อมเดินเครื่องแล้ว เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.4 ล้านตารางเมตรต่อปี เป็น 2.2 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อรองรับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ซึ่งลูกค้าเดิมก็มีออเดอร์เพิ่มขึ้นได้ ลูกค้ามีทั้งยุโรปและเอเชีย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิมก่อน ตอนนี้รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเจรจาหาลูกค้าใหม่" นายกิตติพัฒน์ กล่าว
สำหรับเครื่องจักรที่เพิ่มเข้ามาเป็นการเพิ่มสายการผลิตใหม่ทั้งชุด มูลค่าทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท ทั้งเลื่อย ไส ดีไซน์ ทำสี ครบชุด โดยขยายเพิ่มไลน์การผลิตตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
"พอมีเครื่องนี้กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 2.2 ล้านตารางเมตรต่อปี แต่เนื่องจากปีนี้ไม่เต็มปีเหลือแค่ 4 เดือนนี้กำลังการผลิตในส่วนที่เพิ่มก็จะประมาณ 2.5-2.6 แสนตารางเมตร (ในช่วง 4 เดือนนี้)"นายกิตติพัฒน์ กล่าว
บริษัทคาดว่าการขยายกำลังผลิตจะทำให้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่ายอดขายปีนี้ทั้งปีน่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว 30% เป็น 1,300 ล้านบาท จากปีก่อนรายได้อยู่ที่ 980 กว่าล้านบาท และในปี 51 เดินเครื่องผลิตเพิ่มขึ้นเต็มที่ตลอดทั้งปีจะทำให้ยอดขายเติบโตได้สูงกว่า 30%
นายกิตติพัฒน์ ยังมองว่าสาเหตุราคาหุ้นที่ปรับสูงขึ้นยังอาจจะเป็นเพราะราคาได้ปรับลงมาลึกมากแล้ว ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.70 บาท/หุ้น นักลงทุนจึงได้ตัดสินใจเข้ามาลงทุน
ส่วนแผนการออกใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์)จำนวน 112 ล้านหน่วยนั้นอยู่ระหว่างรอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)พิจารณาอนุมัติหลังจากที่ได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ฟาร์อีสท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
"เรื่องออกวอร์แรนต์ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติไปแล้วและยื่นไฟลิ่งให้ก.ล.ต.แล้ว จะอนุมัติช้าเร็วก็อยู่ที่ ก.ล.ต."นายกิตติพัฒน์ กล่าวถึงการออกวอร์แรนต์ให้กับกรรมการ/พนักงาน( ESOP)และเสนอขายหลักทรัพย์แก่ผู้ถือหุ้นเดิม(RO) ซึ่งมีอายุ 7 ปี และมีอัตราการใช้สิทธิ 4:1 โดยกำหนดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพที่ 6 บาท
ส่วนเงินที่ได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพจะนำไปขยายธุรกิจในอนาคต รวมทั้งชำระหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ยังขายไม่หมดอีกจำนวน 14.7 ล้านหุ้นนั้น นายกิตติพัฒน์ กล่าวว่า ไม่กระทบแผนลงทุนของบริษัทเพราะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่เยอะมาก ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในคณะกรรมการบริษัทว่าจะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)หรือขายให้กับใครต่อหรือไม่ แต่ถึงแม้ยังขายไม่หมดก็ไม่กระทบกับการซื้อเครื่องจักร เพราะการซื้อเครื่องจักรเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--